รอยคล้ำใต้ตา-รู้จริงและแก้ไข


สวัสดีค่ะสาวๆ เชื่อว่าพวกเราทุกคนคงไม่มีใครต้องการให้เจ้ารอยคล้ำใต้ตามาเยือนบนใบหน้าสวยๆ ของเราเป็นแน่ ไม่ว่าเจ้ารอยคล้ำนี้มันจะมาแล้วหรือยังไม่มาก็ตาม เราก็ควรจะทำความรู้จักกับมันเพื่อป้องกันการมาเยี่ยมของมัน หรือเพื่อทำความเข้าใจเพื่อให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ถูกต้องนะคะ ดวงตาจะได้สดใส ชุ่มฉ่ำ กันไปนานๆ นะคะ

รอยหมองคล้ำคืออะไร

โดยทั่วไป ผิวหนังของเราจะมีความหนาประมาณ 2 มิลลิเมตร แต่ผิวบริเวณรอบๆ ดวงตาของเราจะหนาเพียง 0.5 มิลลิเมตรเท่านั้น คือบางมากๆ ซึ่งภายใต้ผิวหนังของคนเรา มีการไหลเวียนของโลหิตอยู่เสมอ หากเกิดอาการเส้นเลือดฝอยแตก ออกซิเจนในเลือดอาจจะระเหยออกจนเหลือแต่คาร์บอนไดออกไซด์ และเลือดเองเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ กลายเป็นเหตุทำให้รอบดวงตาดูคล้ำไปด้วย ทำให้หน้าตาของเพื่อนสาวๆ ดูหมองคล้ำ โทรม แก่กว่าอายุจริง

รอยหมองคล้ำเกิดขึ้นได้อย่างไร

รอยหมองคล้ำเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเพราะลักษณะรูปร่างของดวงตาของสาวๆ เอง คนที่มีดวงตากลมโตมาก จะมีเนื้อรอบๆ ดวงตาขนาดใหญ่มาก ทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย หรือเกิดจากกรรมพันธุ์ มีการผลิตเม็ดสีเมลานินมาก ก็ทำให้ผิวใต้ตามีรอยคล้ำได้อีก หรืออาจจะเกิดจากการไหลเวียนของโลหิตบริเวณผิวรอบดวงตาไม่ดี ทำให้เลือดบริเวณนั้นมีคาร์บอนไดออกไซด์มาก เลือดจึงมีสีเข้ม (เหมือนที่เราเรียนกันมาตอนเด็กๆ คือเป็นเลือดดำ) และเมื่อผิวบริเวณรอบๆ ดวงตามีความบางมาก จึงสามารถมองเห็นสีที่เข้มนั้นได้ชัดเจนขึ้น หรืออาจจะเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การลดน้ำหนักมากเกินไป หรือโรคที่เกี่ยวกับไตก็ได้ค่ะ

วิธีลดรอยคล้ำใต้ตาแบบเร่งด่วน

การแก้ไขรอยคล้ำใต้ตาแบบด่วนและได้ผลง่ายที่สุดก็คือใช้เครื่องสำอางทาปกปิดรอยคล้ำเอาไว้ สามารถปรึกษาที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางดูเกี่ยวกับเรื่อง shade ของสีที่จะใช้และเทคนิคในการทา นอกจากนั้นการสวมแว่นกันแดดที่เจือสีเล็กน้อยก็จะช่วยอำพรางได้ค่ะ

วิธีลดรอยคล้ำใต้ตาแบบระยะยาว

หลังจากรู้สาเหตุของการเกิดรอยคล้ำใต้ตาแล้ว เราก็จะมาดูว่าเราสามารถป้องกันและแก้ไขรอยคล้ำนี้ได้อย่างไร ซึ่งจะต้องทำทั้งการป้องกัน และการแก้ไขที่สาเหตุ รวมทั้งการแก้ไขเมื่อเกิดรอยคล้ำนี้มากวนใจแล้วดังนี้ค่ะ
1. ลดปริมาณการดื่มกาแฟและลด ละ เลิก การสูบบุหรี่
การรับประทานอาหารเผ็ด อาหารเค็มและการสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า จะทำให้การไหลเวียนเลือดไม่สมบูรณ์ จากที่เรารู้ว่ารอยคล้ำใต้ตานั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพของโลหิตที่ไหลอยู่ใต้ผิวใต้ตา การไหลเวียนของโลหิตที่ไม่ดี จะทำให้เกิดรอยคล้ำได้ง่าย
2. ทำความสะอาดรอบดวงตา
ทำความสะอาดรอบดวงตาอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้น้ำยาความสะอาดที่มีคุณสมบัติในการล้างสิ่งสกปรก คราบไขมันตกค้างได้สะอาด และในระหว่างที่ทำความสะอาดนั้น ก็ทำการนวดผิวรอบๆ ดวงตาเป็นวงกลม แต่อย่าขยี้นะคะ เพราะการขยี้แรงๆ จะทำให้เส้นเลือดแตกได้ ทำให้เกิดรอยคล้ำกลายเป็นได้ผลตรงกันข้ามกันไป
3. พยายามอย่าเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ
ความเครียด การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวมีการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวใต้ดวงตามีรอยคล้ำได้เช่นกัน
4. ดูแลผิวบริเวณรอบดวงตาด้วยผลิตภัณฑ์และวิธีการที่เหมาะสม
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน อีลาสติน และวิตามินอี เป็นประจำ โดยบางชนิดจะมีกรดอัลฟ่าไฮดร็อกซี่ซึ่งมีไว้สำหรับผิวในวัยผู้ใหญ่ที่ผลัดเซลล์ผิวช้า โดยจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ทำให้สารบำรุงในครีมแทรกซึมเข้าไปในผิวได้มากขึ้น จะสามารถคืนความสดใสแก่ผิวรอบๆ ดวงตาของท่านได้ และถ้าสาวๆ มีถุงใต้ตาร่วมด้วย ก็ควรใช้ถุงประคบเย็นวางไว้บนดวงตา เพื่อช่วยลดอาการบวม และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่มีรอยคล้ำ
5. ดูแลใต้ตาด้วยวิธีธรรมชาติ
ให้สาวๆ วางมันฝรั่งฝานเป็นแผ่นบางๆ ไว้บนบริเวณใต้ตาเป็นเวลา 10 นาที มันฝรั่งมีเอนไซม์ที่ทำให้ผิวดูอ่อนจางลงได้ จึงช่วยลดความหมองคล้ำให้คุณได้ชั่วคราว วิธีนี้เหมาะจะใช้เวลาที่คุณต้องการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
6. พบแพทย์
ถ้าสาวๆ ได้ทำทุกวิถีทางแล้ว ยังไม่สามารถกำจัดเจ้ารอยคล้ำใต้ตาลงได้ หรือทำท่าว่าจะทวีความรุนแรงขึ้น ขอแนะนำให้สาวๆ ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาอย่างเป็นจริงเป็นจัง แพทย์ผิวหนังอาจจจะใช้วิธีขัดลอกผิวด้วยสารเคมี หรือการทำทรีทเมนต์ด้วยแสงเลเซอร์ ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นผลที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลและการตัดสินใจของแพทย์เท่านั้น

เป็นอย่างไรบ้างคะ หวังว่าบทความนี้จะทำให้สาวๆ ได้ความรู้และวิธีปฏิบัติในการจัดการกับเจ้ารอยคล้ำใต้ดวงตา ที่คอยรบกวนใบหน้าสวยๆ ของสาวๆ โดยต้องดูแลให้ถูกต้อง อย่าใช้วิธีฉีดยาอะไรลงไปเพราะคงไม่ได้ผลอะไรนัก การแก้ไขต้องแก้ไขที่ต้นเหตุของมันเป็นหลัก ขอให้สาวๆ มีหน้าตาสวยงามสดใสทุกๆ คนไปนานๆ นะคะ