เรารู้กันมานานแล้วว่า ร่างกายของคนเราใช้โปรตีนเป็นส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่คอลลาเจน (Collagen) ซึ่งก็เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ยังมีประโยชน์มากกว่านั้น คือเป็นโปรตีนที่อยู่ใต้ชั้นหนังแท้ ซึ่งมีปริมาณมากถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนในร่างกาย คอลลาเจนเป็นเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบเฉพาะในสัตว์ โดยเฉพาะในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น หลอดเลือด เส้นประสาทต่างๆคอลลาเจนมีส่วนทำให้ผิวหนังมีคุณสมบัติการสปริงตัว สร้างความเต่งตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ เป็นตัวช่วยสร้างความตึงกระชับให้ผิว (เราจึงเรียกได้ว่า มันเป็นโปรตีนแห่งความงามได้) "คอลลาเจน" จะอยู่คู่กับโปรตีนที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ "อิลาสติน" ในขณะที่คอลลาเจนมีหน้าที่เสมือนโครงสร้างของผิว และทำให้ผิวเต่งตึง อิลาสตินจะมีหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว และทำให้ผิวไม่มีริ้วรอย แต่น่าเสียดายว่า เมื่อหลังอายุ 20 ร่างกาย จะสูญเสียคอลลาเจนทุกๆ ปี โดยเฉลี่ยปีละ 1% และเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนน้อยลงๆ เข้าไปอีก เมื่อขาดคอลลาเจน ผลเสียที่เกิดกับผิวคือ เกิดริ้วรอย เหี่ยวย่น หยาบกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น เราจึงจำเป็น ต้องเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวด้วยค่ะ
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจน
ข้อมูลทางการแพทย์พบว่า อนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด มลพิษต่างๆ บุหรี่ สารปนเปื้อนในอาหารที่เรารับประทานเข้าไป และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจน และ อีลาสติน ซึ่งโปรตีนทั้งสองชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่น และควบคุมความชุ่มชื้นเมื่อมันถูกทำลายให้บางลง กับมีอายุที่มากขึ้น ทำให้เกิดความไม่สมดุลกันระหว่างการผลิตและการสลายตัวของคอลลาเจน ส่งผลให้เกิดริ้วรอยบนผิวหน้า และเกิดความหยาบกระด้าง ดังนั้นวิธีที่จะทำให้ผิวพรรณกลับคืนสู่ความเยาว์วัยก็คือการเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวนั่นเอง
การเสริมสร้างคอลลาเจน
เจ้าโปรตีนที่เรียกว่าคอลลาเจนนี้ มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มาก เราจึงไม่สามารถทาที่ผิวหนังได้ (คือทาได้ แต่เกิดประโยชน์จริงๆ น้อยมาก) เพราะมันจะไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ ครีมต่างๆ ที่เห็นมีการผสมคอลลาเจนอยู่ เมื่อทาลงไป ก็ลงไปได้แค่ชั้นหนังกำพร้า แต่เนื่องจากคอลลาเจนมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ประมาณ 30 เท่าของน้ำหนักตัวเอง ทำให้ผิวหนังกำพร้าดูชุ่มชื้นขึ้น แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างจริงจัง เพราะการเสริมสร้างคอลลาเจน จะต้องเข้าสู่ร่างกายด้วยการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง และการรับประทานเท่านั้น ซึ่งถ้าเปรียบเทียบวิธีการนำคอลลาเจนเข้าร่างกายสองวิธีนี้ จะเห็นว่าการรับประทานสะดวกและไม่เจ็บตัว เลยเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง
1. การรับประทานโปรตีนคอลลาเจนโดยตรง
มีการนำสารสกัดโปรตีนจากปลาทะเลบางประเภท ซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายกับโครงสร้างของคอลลาเจนของผิวคนมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พบว่าภายหลังการรับประทานไประยะหนึ่ง สามารถช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และช่วยให้ริ้วรอยต่างๆ จางหาย การรับประทานคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังอย่างได้ผล และทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น นุ่มเนียนขึ้นได้
2. การรับประทานอาหารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ
โดยปกติแล้ว คอลลาเจนจะถูกสังเคราะห์ได้เองภายในร่างกาย โดยใช้กรดอะมิโนที่ได้รับจากอาหาร โดยมีวิตามินซีเป็นตัวช่วย ดังนั้นหากได้รับโปรตีนและวิตามินซีในปริมาณที่ไม่เพียงพอ จะส่งผลให้การสังเคราะห์คอลลาเจนเป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์ และจะทำให้ร่างกายขาดคอลลาเจนได้ การรับประทานสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากธรรมชาติ จะช่วยกำจัดตัวการสร้างอนุมูลอิสระได้หมดไป และไม่ไปทำลายเซลล์ผิวหนัง ซึ่งได้แก่ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี สารเหล่านี้เป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสติน เรียกได้ว่าเป็นการรักษาโปรตีนสองชนิดที่เป็นคุณต่อผิวของเราเอาไว้ให้ดีที่สุด
เมื่อสาวๆ ได้ทราบความสำคัญของคอลลาเจนกันแล้ว ก็ต้องพยายามรักษา และเสริมสร้างเจ้าคอลลาเจน โปรตีนแห่งความงาม ให้อยู่คู่กับผิวหนังของเราไปมากๆ นานๆ ให้ผิวพรรณได้มีความเต่งตึง สวยงาม กระชับ เท่าที่สามารถจะเป็นได้นะคะ