การใช้งานว่านหางจระเข้


จากบทความตอนที่แล้วในเรื่อง ว่านหางจระเข้พืชมหัศจรรย์ เราได้ทราบกันคร่าวๆ ไปแล้วว่าสรรพคุณโดยทั่วไปของว่านหางจระเข้นั้นมีอะไรบ้าง นอกจากนั้นยังทราบว่าส่วนไหนของว่านที่เราสามารถนำมาใช้งานได้ ในบทความตอนนี้ เราจะได้คุยกันต่อเรื่องการใช้งานจริงๆ ของว่านหางจระเข้ เจ้าพืชมหัศจรรย์นี้กันค่ะ

หลังจากที่เราได้วุ้นของว่านหางจระเข้มาแล้ว ก็ควรจะใช้แบบสดๆ เพราะในสภาวะปกติแล้ววุ้นจะไม่สามารถคงตัวอยู่ได้นานนัก โดยเราสามารถใช้เพื่อบรรเทาและรักษาอาการต่อไปนี้ได้

1. รักษาแผลไฟไหม้เนื่องจากความร้อน
เมื่อโดนความร้อนจนผิวไหม้ หรือแห้งลง ให้รีบนำวุ้นของว่านหางจระเข้ทาที่แผล จากการศึกษาพบว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาดีกว่ายาบางตัวเช่น ซิลเวอร์ซัลฟาไดอาซีน (Silver Salfadiazine) และวาสลีน (Vassaline) เลยทีเดียว ซึ่งการนำวุ้นของว่านหางจระเข้มาใช้ในกรรักษาแผลเนื่องจากไฟไหม้หรือถูกความร้อนนี้ เป็นสิ่งขึ้นชื่อเลื่องลือของว่านนี้มาช้านานแล้ว

2. รักษาอาการอักเสบ
โดยใช้ในการรักษาอาการอักเสบที่บริเวณผิวหนัง (รวมทั้งบริเวณผิวหน้าได้ด้วย) เนื่องจากมีสารอะลอกตินเอ (aloctin A) ที่ทำหน้าที่ยับยั้งการสังเคราะห์พรอสตาแกลนดิน (prostaglandin) ที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว และเกิดการจับตัวของเกร็ดเลือด ทำให้เกิดอักเสบบริเวณที่เกิดแผล ว่านหางจระเข้จะยับยั้งการสร้างสารนี้จึงทำให้การอักเสบลดลงและเนื้อเยื่อไม่ตายด้วย จึงมีการนำไปใช้งานในการสร้างครีมทาเพื่อลดอาการผิวหนังอักเสบ

3. ช่วยในการสมานแผล
นอกจากอะลอกตินเอ จะมีผลช่วยในการลดการอักเสบแล้ว ยังช่วยเพิ่มการทำงานของอะดีนีเลทไซเคลส (adenylate cyclase) ซึ่งสุดท้ายแล้วจะมีผลไปเร่งการแบ่งตัวของเซลล์ที่เสียหาย จึงช่วยสมานแผลได้ นอกจากนี้อะลอกตินเอยังอาจจะช่วยเพิ่มการกำจัดเนื้อเยื้อที่ตาย และในขณะเดียวกันก็เร่งการแบ่งตัวของเซลล์ที่ยังมีชีวิตบริเวณแผลเพื่อมาซ่อมแซมส่วนที่ได้รับความเสียหายด้วย

4. เป็นยาระบาย
นอกจากเรื่องของการรักษาทางด้านผิวพรรณแล้ว ว่านหางจระเข้ยังมีสรรพคุณในการเป็นยาระบายด้วย โดยอาศัยสารสีเหลืองที่อยู่ในท่อของเปลือกที่หุ้มส่วนที่เป็นวุ้นของว่านหางจระเข้มาทำเป็นยา โดยออกฤทธิ์โดยการเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำใส้ใหญ่ของเรา และยังช่วยลดการดูดซึมกลับของน้ำ จึงไม่ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ง่ายด้วย

นี่เป็นส่วนคร่าวๆ ของการใช้ประโยชน์จากว่านรูปร่างแปลกๆ เหมือนหางจระเข้นี้นะคะ แต่ยังไม่จบค่ะ ในตอนต่อไป เรายังจะคงเกาะติดกับเจ้าว่านสารพัดประโยชน์นี้ โดยมาลองดูกันว่ามันจะสามารถนำมาใช้อะไรในเรื่องของความสวยความงามของสาวๆ เราได้ โปรดติดตามกันนะคะ