เรื่องของกรุ๊ปเลือด


สาวๆ รู้ตัวไหมคะว่าคุณเป็นคนพิเศษ ไม่ว่าสาวๆ จะเป็นใคร ก็จะเป็นคนพิเศษไม่เหมือนใครเสมอ เพราะโลกนี้สร้างคนเราแต่ละคนให้มีความเป็นพิเศษของคนๆ นั้นจริงๆ นะคะ ดังจะเห็นได้ว่าหน้าตาของคนเราแต่ละคนก็ไม่หมือนกัน แม้แต่การเป็นฝาแฝดกันที่ดูจะเหมือนกันมากๆ ก็ยังมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นบางส่วนของใบหน้าหรือร่างกาย นิสัยใจคอ ก็อาจจะต่างกันได้เช่นกัน กรุ๊ปเลือดก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ในตัวของเราแต่ละคนที่แตกต่างกันไปและเพราะกรุ๊ปเลือดนี้เองก็ทำให้คนเราที่มีกรุ๊ปเลือดต่างกันเหมาะสมกับสิ่งต่างๆ รวมทั้งอาหารที่ไม่เหมือนกันค่ะ

กรุ๊ปเลือดคืออะไร

ความตั้งใจจริงเมื่อเขียนบทความเรื่องนี้ คืออยากเล่าเรื่องอาหารที่เหมาะกับกรุ๊ปเลือดของสาวๆ แต่ละคน แต่จะว่าไป ไหนๆ จะคุยกันในเรื่องเลือดๆ นี้แล้ว (เอ่อ เรื่องดีนะคะ ไม่ใช่เรื่องอาชญาฆาตกรรมแต่อย่างใด) เว็บไซต์ womanandkid ก็ค้นคว้าข้อมูลมาฝากสาวๆ กันหน่อยโดยจะพยายามเขียนให้เข้าใจง่ายที่สุด เพื่อเพื่อนๆ สาวๆ จะได้รับความรู้เพิ่มเติมไปกว่าสิ่งอื่นที่หาอ่านได้ทั่วไปกันก่อนว่ากรุ๊ปเลือดนั้นคืออะไร ก่อนอื่นจะต้องเข้าใจว่าระบบการจำแนกหมวดหมู่เลือดนั้นแบ่งออกเป็นสองระบบ เรามาดูระบบแรกกันก่อนคือ ABO ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ นะคะ

บนเม็ดเลือดแดงของคนเรานั้น อาจจะมีสารกระตุ้นภูมิต้านทานที่เรียกว่าแอนติเจน (antigen) เกาะอยู่ โดยทั่วไปแล้ว แอนติเจนเป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย ซึ่งถ้าเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารภูมิต้านทาน (เรียกว่า แอนติบอดี, antibody) ที่มีผลต่อแอนติเจนนั้นขึ้นมา สำหรับคนๆ หนึ่งแล้ว การที่มีแอนติเจนเกาะอยู่บนผิวนอกของเม็ดเลือดแดงได้โดยที่ร่างกายของเขาไม่สร้างแอนติบอดีขึ้นมา แสดงว่าร่างกายของเขาไม่ตอบสนองหรือไม่มีแอนติบอดีที่มีผลต่อต้านแอนติเจนชนิดนั้นนั่นเอง (ถ้ามี จะเป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะร่างกายจะทำลายเม็ดเลือดแดงของตัวเอง)

เจ้าแอนติเจนที่อาจจะมีได้บนเม็ดเลือดแดงของคนเรานั้นมีอยู่ด้วยกันสองชนิดคือ แอนติเจน-เอ (antigen-A) และแอนติเจน-บี (antigen-B) ถ้าเม็ดเลือดมีแอนติเจน-เอ ก็จะเรียกว่าเป็นคนเลือดกรุ๊ปเอ (A), ถ้าเม็ดเลือดมีแอนติเจน-บี ก็จะเรียกว่าเป็นคนเลือดกรุ๊ปบี (B), ถ้าเม็ดเลือดมีทั้งแอนติเจน-เอ และบี ก็จะเรียกว่าเป็นคนเลือดกรุ๊ปเอบี (AB), สุดท้ายถ้าเม็ดเลือดของใครไม่มีทั้งแอนติเจน-เอ และบี ก็จะเรียกว่าเป็นคนเลือดกรุ๊ปโอ (O หรือ 0 คือศูนย์ ซึ่งหมายถึงไม่มีแอนติเจนใดๆ เกาะอยู่นั่นเอง)

กลุ่มของเลือดระบบ Rh

มีเรื่องของเม็ดเลือดหรือกลุ่มของเลือดอีกอย่างหนึ่งที่เราควรจะทราบด้วยก็คือกรุ๊ปเลือดในระบบที่สองที่เรียกว่า Rh (Rhesus อ่านว่า รีซัส) โดย Rh เป็นแอนติเจนอีกชนิดหนึ่งที่อาจจะอยู่บนเม็ดเลือดแดง ถ้าเม็ดเลือดแดงไม่มีแอนติเจนนี้ ก็จะเรียกว่าเป็นเลือด Rh-, แต่ถ้าเลือดมีแอนติเจนนี้ ก็จะเรียกว่า Rh+ (ซึ่งคนไทยเกือบทั้งหมด จะเป็น Rh+) และก็เหมือนกับระบบ ABO นั่นคือร่างกายของเราจะไม่ต่อต้านตัวเราเอง คนที่มีรีซัสแอนติเจน (Rhesus antigen) อยู่บนเม็ดเลือด ร่างกายของเขาก็จะไม่สร้างแอนติบอดีที่ต่อต้านรีซัสแอนติเจน และดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุขค่ะ

แล้วมีผลอย่างไร

ในเมื่อเลือดของคนเรานั้นต่างกัน การให้หรือรับเลือดจะต้องระวังให้มาก โดยแพทย์จะต้องหาว่าคนๆ นั้นมีเลือดกรุ๊ปอะไร, Rh อะไร และจะสามารถให้หรือรับเลือดจากคนอื่นที่มีเลือดในกรุ๊ปที่ต่างกันได้หรือไม่อย่างไร (เหมือนกันนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว) โดยมีหลักการว่าร่างกายของผู้รับจะต้องไม่สร้างแอนติบอดี (สารภูมิคุ้มกัน) ที่ถูกกระตุ้นได้ด้วยแอนติเจน (สารก่อภูมิคุ้มกัน) ที่อยู่บนเม็ดเลือดของผู้ให้ที่ตัวเองรับเข้ามา นั่นคือ

•คนเลือดกรุ๊ป O รับได้จาก O เท่านั้น แต่ให้กับกรุ๊ปอื่นได้ทุก กรุ๊ป
•คนเลือดกรุ๊ป AB รับได้จากทุกกรุ๊ป แต่ให้เลือดแก่ผู้อื่นได้เฉพาะคนที่เป็นเลือดกรุ๊ป AB
•คนเลือดกรุ๊ป A รับจาก A, O ให้ได้กับ A, AB
•คนเลือดกรุ๊ป B รับได้จาก B, O ให้ได้กับ B, AB
•คนเลือดกรุ๊ป Rh- ต้องรับจาก Rh- เท่านั้น

บทความเรื่องกรุ๊ปเลือดนี้ เป็นบทความที่ไม่ได้ตั้งใจเขียนแต่ทีแรก คือตอนแรกตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสมกับแต่ละกรุ๊ป แต่เห็นว่าการเล่าให้ฟังเสียก่อนว่ากรุ๊ปเลือดนั้นคืออะไร น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ มากกว่า จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังเสียก่อน ซึ่งบทความต่อไปก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสมสำหรับแต่ละกรุ๊ปค่ะ คอยติดตามต่อไปนะคะ