มารู้จักสเต็มเซลล์กันดีกว่า


เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงเคยได้ยินเทคโนโลยีเกี่ยวกับความสวยความงามที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า สเต็มเซลล์ (stem cell) กันอยู่บ่อยๆ หลายคนฟังแล้วอาจจะเพียงคิดว่าเป็นเรื่องเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ แต่เอาเป็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้เราสวยขึ้นได้ก็พอแล้ว แต่บางคนอาจจะสงสัยและอยากรู้ไปกว่านั้น เราก็เลยนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังกันค่ะ

เซลล์ในร่างกายคนเรา

ปกติแล้วร่างกายของคนเราจะประกอบไปด้วยเซลล์จำนวนมาก และเพราะร่างกายของเรามีอวัยวะหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น สมอง ตับ หัวใจ หลอดเลือด ไขกระดูก และอื่นๆ อีกมาก เราก็จะมีเซลล์แต่ละชนิดที่ทำหน้าที่จำเพาะอย่างใดอย่างหนึ่งคือเป็นเซลล์ที่พัฒนาไปจนสุดทางของมันแล้ว โดยมันไม่สามารถเติบโตเปลี่ยนแปลงตัวเองกลายไปเป็นเซลล์อย่างอื่นได้ เช่น เซลล์ของตับก็ไม่สามารถเติบโตไปเป็นเซลล์ของหลอดเลือดได้ เป็นต้น เซลล์เหล่านี้เมื่อตายไปแล้ว จะไม่มีเซลล์ใหม่มาทดแทน ในขณะเดียวกันร่างกายของคนเราก็ยังมีเซลล์อีกกลุ่มหนึ่งที่สามารถเติบโตได้อีกโดยเซลล์พวกนี้สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้

สเต็มเซลล์คืออะไร

แล้วเราเคยสงสัยหรือไม่ว่า ตอนก่อนที่เราจะเกิด เรียกว่าปฏิสนธิออกมาใหม่ๆ เรานั้นอยู่ในสภาวะก่อนเป็นตัวอ่อน มีเซลล์เพียงไม่กี่เซลล์ในตัว (จะเรียกว่า ในตัว ก็ยังไม่ค่อยถูกเท่าไรนัก เพราะว่ายังไม่เป็นตัวเลยด้วยซ้ำ) แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทำไมเราจึงได้กลายเป็นตัวตนที่มีสารพัดอวัยวะ นั่นหมายถึงว่ามีสารพัดเซลล์อยู่ในตัวได้ คำตอบง่ายๆ ก็คือเราเริ่มจากการที่เรามีสิ่งที่เรียกว่า สเต็มเซลล์ หรือ "เซลล์ต้นกำเนิด" นั่นเอง โดยสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด มีคุณสมบัติเด่นคือเป็นเซลล์ที่ตัวมันเองสามารถแบ่งตัวเองได้ (คือเพิ่มจำนวนได้) แต่ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้ภายหลัง

สเต็มเซลล์อยู่ที่ไหน

สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดนั้นมีที่มาได้หลายแหล่ง เช่น สเต็มเซลล์จากตัวอ่อน สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อและอวัยวะในร่างกายมนุษย์ในส่วนต่างๆ สเต็มเซลล์ที่มาจากการแท้ง และแหล่งที่สาม เป็นสเต็มเซลล์ที่มาจากเอ็มบริโอ (ตัวอ่อน) ของมนุษย์ซึ่งมีอายุไม่กี่วัน สเต็มเซลล์ในระบบเลือดเป็นวัตถุดิบในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง แม้กระทั่งเกล็ดเลือด ซึ่งในปัจจุบันแล้วเราพบว่าสเต็มเซลล์ไม่ว่าจะมาจากแหล่งอวัยวะใดก็สามารถถูกพัฒนาให้เป็นเซลล์ของอวัยวะอื่นได้ เช่น สเต็มเซลล์ในตับก็จะสร้างเซลล์ตับก็ได้หรือสร้างเซลล์ประสาทก็ได้ (การเปลี่ยนแบบข้ามชนิดนี้เรียกว่ากระบวนการพลาสติกซิตี้ -plasticity) แต่จะต้องอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม

การพัฒนาสเต็มเซลล์

สเต็มเซลล์นั้นเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่ไม่ได้มีโครงสร้างพิเศษที่จะเอื้ออำนวยให้สามารถทำหน้าที่อย่างเฉพาะเจาะจงได้ เรียกว่าจะรับส่งสัญญาณแบบเซลล์ประสาทก็ไม่ได้ จะจับโมเลกุลออกซิเจนเพื่อไปหล่อเลี้ยงร่างกายแบบเซลล์เม็ดเลือดแดงก็ไม่ได้ แต่สเต็มเซลล์จะสามารถเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้ด้วยกระบวนการที่เรียกว่าดิฟเฟอเรนชิเอชั่น (differentiation) โดยจะต้องมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่เหมาะสมในการควบคุมการเปลี่ยนแปลงนี้ ปัจจัยภายในควบคุมโดยยีนภายในเซลล์ ส่วนปัจจัยภายนอกควบคุมโดยสารเคมีที่หลั่งออกมาจากเซลล์อื่น ลักษณะทางกายภาพระหว่างสเต็มเซลล์และเซลล์ใกล้เคียง รวมทั้งโมเลกุลอื่นรอบๆ สเต็มเซลล์นั้น

แผนภาพการพัฒนาจากสเต็มเซลล์ไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ ในร่างกายมนุษย์

การนำไปใช้งาน

ความน่าตื่นเต้นก็คือ ในร่างกายของเราซึ่งเติบโตแล้วนั้น เราจะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ด้วยเซลล์แบบเดียวกันเท่านั้น โดยสเต็มเซลล์ไม่เหมือนเซลล์สมอง เซลล์เม็ดเลือด หรือเซลล์ประสาท ตรงที่สามารถสำเนาตัวมันเองก็คือเป็นสเต็มเซลล์ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่จำกัด ซึ่งเซลล์อื่นๆ จะไม่มีคุณสมบัตินี้ ประกอบกับการสามารถพัฒนาสเต็มเซลล์อย่างหนึ่งไปเป็นเซลล์ของอวัยวะอีกอย่างหนึ่งได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากในทางการแพทย์ในการรักษาความผิดปกติต่างๆ เลยทีเดียว

ปัญหาที่ยังมีอยู่

อย่างไรก็ตาม การใช้สเต็มเซลล์จากร่างกายมาพัฒนา จะพบว่าสเต็มเซลล์จะพัฒนาช้า แบ่งเซลล์ช้า และการพัฒนาสเต็มเซลล์จากร่างกายไปเป็นเนื้อเยื่ออื่นยังมีข้อจำกัดคือไม่ได้พัฒนาเป็นเซลล์อื่นได้ทุกอย่างดังใจ ไม่เหมือนกับเซลล์ของเอ็มบริโอ (ตัวอ่อนมนุษย์) ซึ่งแบ่งตัวได้เร็ว อย่างที่จะเห็นว่ามันสามารถพัฒนาตัวเองจากเอ็มบริโอเพียงหนึ่งเซลล์กลายเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์และพัฒนาไปเป็นเซลล์ของร่างกายได้แบบครบถ้วนกลายเป็นคนหนึ่งคนเลยทีเดียว คือมีสมอง หัวใจ กระดูก ตับ อย่างไรก็ตามการพยายามใช้สเต็มเซลล์จากตัวอ่อนยังมีข้อจำกัดทางชีวจริยธรรมอยู่ ทำให้ยังต้องศึกษาค้นคว้ากันต่อไป

หวังว่าเรื่องนี้ จะเป็นการแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักสเต็มเซลล์ได้ดีขึ้น อย่างน้อยก็จะได้ทราบว่าเทคโนโลยีความสวยความงามต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น มีรูปแบบการทำงานอย่างไรกับเราไงล่ะคะ