หลังจากที่ได้อ่านเรื่อง สเต็มเซลล์ กันมาแล้วในบทความที่ผ่านมา ที่เราทราบว่ามันเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่เปลี่ยนไปเป็นเซลล์อื่นๆ ได้ คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อบริษัทเครื่องสำอางต่างๆ นำสิ่งที่เรียกว่าสเต็มเซลล์มาผสมใส่เข้าในเครื่องสำอางหลากหลายชนิด แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นบรรดาครีมหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้กับใบหน้าของเรานี่เองทำไมถึงต้องสเต็มเซลล์
อ่านด้านบนนี้ก็ต้องอ่านเป็นทำนองแบบเพลงสมัยเก่า (ทำไมถึงต้อง เป็นเรา...) ด้วยนะคะ คนเราเมื่อรู้จักสเต็มเซลล์แรกๆ นั้นก็ตื่นเต้นมาก และเมื่อรู้ว่าในบางกรณีเราสามารถบังคับพัฒนามันได้ด้วยยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก นอกจากในสัตว์แล้ว ในพืชทั้งหลายก็มีสเต็มเซลล์เช่นกัน นั่นคือไม่ว่าจะเป็นในผลไม้ ต้นไม้ ก็มีสเต็มเซลล์ด้วย สเต็มเซลล์ในพืชก็มีคุณสมบัติเหมือนกันกับในสัตว์หรือมนุษย์ คือสามารถเปลี่ยนไปเป็นเซลล์หลากหลายรูปแบบหลายอวัยวะได้ ตัวอย่างเช่นสเต็มเซลล์ในคนก็อาจจะพัฒนาเป็นเซลล์ใต้ผิวหนังที่ทำให้เกิดเนื้อเยื่อใหม่ๆ สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ ดังนั้นคนเราก็เลยเริ่มคิดใส่สารที่ได้รับการสกัดจากสเต็มเซลล์ของพืช ของผลไม้ เพื่อพยายามให้สเต็มเซลล์ที่จะเติบโตเป็นผิวของเราเองเพื่อกลายเป็นเซลล์ผิวเพื่อจะมีผลในการกำจัดริ้วรอย เพิ่มความเต่งตึงต่างๆ ให้กับผิว
แล้วเอาสเต็มเซลล์มาจากไหน
เราทราบดีว่าสเต็มเซลล์นี้มีทั้งในพืชและในสัตว์ ถ้าเป็นพืชก็คงไม่เท่าไร แต่ถ้าเป็นสัตว์แล้วหลายคนอาจจะกังวลว่าแล้วเราเอาสัตว์ หรือชิ้นส่วนของสัตว์มาใส่ในครีมหรือเครื่องสำอางหรือเปล่า (ออกแนวสยองนิดๆ ว่างั้นเถิด) โดยปกติแล้วสเต็มเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสำอางมักจะมาจากพืช ผลไม้ และก็ไม่ใช่ตัวสเต็มเซลล์จริงๆ แต่เป็นสารที่สกัดออกมาจากสเต็มเซลล์ แล้วนำสารนั้นใส่เข้าไปในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สารสกัดเหล่านี้มักอยู่ในรูปกรดเช่น กรดเฟอรูลิค (ferulic acid) กรดเอลลาจิก (ellagic acid) และ เควอซิทิน (quercetin) ซึ่งก็จะต้องเห็นเขียนอยู่ที่สลากระบุส่วนประกอบด้วย
แล้วใช้ได้จริงไหม
แม้ว่าเรื่องราวของสเต็มเซลล์จะฟังดูพิสดารและน่ามหัศจรรย์ (ซึ่ง โดยเนื้อแท้ของการพัฒนาสเต็มเซลล์ของเราเองในตัวเราเองนั้น ก็น่ามหัศจรรย์จริงๆ นั่นล่ะค่ะ) แต่การนำสารสกัดจากสเต็มเซลล์ของ พืช ผลไม้ แล้วนำมาใช้กับเซลล์มนุษย์นั้น ก็ยังเป็นที่ไม่แน่ชัดเท่าไรนักว่าจะทำให้ผิวของเราดีขึ้นมากจริงๆ ในขณะที่การศึกษาบางอย่างก็ได้ผลว่ามันสามารถช่วยให้ผิวดีขึ้น สร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น และส่วนมากแล้วครีมต่างๆ ก็มีอย่างอื่นผสมอยู่ด้วย เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ เป็นต้น ดังนั้นไม่มากก็น้อยครีมเหล่านี้ก็ได้ผลในระดับหนึ่ง เรียกว่าถ้าไม่แพงมากนักแล้ว จะลองดูก็ไม่เสียหายอะไรค่ะ