เพื่อนๆคงเคยได้ยินอยู่บ่อยๆว่า แปรงผมอย่างน้อยวันละ 100 ครั้ง จะช่วยให้ผมสลวยสวยเก๋เป็นเงางาม (ประมาณว่าสะบัดผมแต่ละที หนุ่มๆตะลึงไปทั้งซอย)จริงๆแล้ว การแปรงผมบ่อย ๆ ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียแหละค่ะ เพราะปกติแล้วการแปรงผมจะไปช่วยกระตุ้นต่อมไขมันบนหนังศีรษะให้เร่งผลิตน้ำมันตามธรรมชาติมาบำรุงเส้นผมให้เงางามและนุ่มสลวย แต่...อย่าลืมว่าสมัยก่อนยังไม่ค่อยมีการทำสีผม (ไม่ว่าจะย้อมผม โกรกผม ทำไฮไลท์ โลว์ไลท์ทั้งหลาย) หรือการทำเคมีต่าง ๆ กับเส้นผม (ไหนจะทั้งดัด ทั้งยืดสารพัด) ทั้งสีและสารเคมีพวกนี้ไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับเส้นผมเราสักเท่าไหร่ค่ะ เพราะล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยให้เส้นผมแตกปลายได้ทั้งนั้น
ถ้าเพื่อนๆรักเส้นผม อยากดูแลรักษาเส้นผมจริงๆ อยากแนะนำว่าควรแปรงผมเป็นประจำแค่ช่วงเช้าและเย็นก็พอแล้วค่ะ เพื่อขจัดฝุ่นผงและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ให้หลุดออกจากเส้นผม แต่ไม่ควรแปรงผมขณะที่ผมเปียกนะคะ ใจเย็นซักนิด รอให้ผมแห้งก่อนดีกว่าค่ะ เพราะเส้นผมที่เปียกจะมีความยืดหยุ่นสูง เส้นผมจะแตกหักได้ง่ายยิ่งขึ้น ยิ่งจะเป็นการทารุณกรรมเส้นผมของเรามากขึ้นไปอีก นอกจากนี้การเลือกแปรงให้เหมาะกับลักษณะเส้นผมหรือทรงผมก็มีส่วนสำคัญด้วยเช่นกันค่ะ
วิธีเลือกแปรงผมให้เหมาะกับเส้นผม
สาวผมยาว ควรเลือกแปรงผมที่มีขนแปรงเป็นเหล็กและบุด้วยยาง จะช่วยให้เส้นผมไม่พันกันขณะหวี และยังช่วยป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตที่ทำให้ผมชี้ฟูไม่เป็นทรงได้ด้วย หรือถ้าต้องการจัดทรงก็ควรใช้แปรงกลมขนาดใหญ่ที่ช่วยให้จัดทรงได้ง่ายขึ้น และทำให้ปลายผมได้รูปสวยไม่ชี้ไปชี้มา
สาวผมยาวประบ่า ควรเลือกแปรงที่มีขนแปรงเรียวเล็กและบุด้านหลังด้วยยาง ถ้าขนแปรงยาวจะช่วยให้เส้นผมไม่พันกัน ส่วนขนแปรงสั้นจะช่วยให้ผิวของเส้นผมเรียบลื่นนุ่มสลวยตลอดเส้นค่ะ
สาวผมสั้น แปรงผมที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจะเหมาะกับเส้นผมของคุณมากกว่าค่ะ ขนแปรงสั้นยาวสลับกัน จะช่วยยกโคนผมให้ดูมีวอลลุ่มและไม่ลีบแบน
สาวผมหยักศก เลือกใช้หวีที่มีลักษณะคล้ายคราดแทนแปรงดีกว่าค่ะ โดยเลือกที่ด้ามหวีกว้าง แบน และห่าง เพราะหวีลักษณะนี้จะช่วยรักษาสภาพลอนผมให้เป็นทรงไม่ฟูได้เป็นอย่างดี