เมื่อคนสองคนตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แรกเริ่มก็ล้วนเป็นการมุ่งหวังว่าจะใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป โดยไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไปไหนไปกัน ร่วมสุขร่วมทุกข์ (ซึ่งคงอยากจะมีแต่สุขเสียมากกว่าถ้าเป็นไปได้) แต่ในชีวิตจริง สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็มักจะเกิดขึ้นได้ โดยไม่คาดฝันเสมอ โดยเฉพาะเรื่องชีวิตคู่ แทบจะหาคู่ที่อยู่กันโดยไม่มีปัญหายาก อยู่ที่ว่าคู่ไหนจะมีปัญหามากน้อยเท่านั้น และอยู่ที่ว่าเราจะฟันฝ่าปัญหาให้หมดไปได้อย่างไร อย่างน้อยก็ต้องมีการทะเลาะเบาะแว้งบ้าง จึงกลายเป็นความท้าทายของการมีชีวิตร่วมกันอยู่เสมอๆ จริงไหมคะในเมื่อเป็นไปแทบไม่ได้แล้ว ที่การมีชีวิตคู่จะอยู่กันอย่างไม่มีปัญหาเลย ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้น สิ่งแรกที่ทั้งคู่ควรจะต้องดูแลคือ อย่าทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โตมากไปกว่าที่เป็นอยู่ (อย่าเปลี่ยนวิกฤติ ให้กลายเป็นหายนะนั่นล่ะค่ะ)
โดยทั่วไปแล้ว ปัญหาจะหยุด (แค่หยุดก็ยังดีนะคะ เดี๋ยวค่อยแก้ทีหลัง) ได้ต้องพึงใส่ใจถึงสิ่งไม่ควรทำ 4 ประการคือ
1. อย่าคุยกันตอนมีอารมณ์
คนเรา มีสารพัดอารมณ์ ไม่ว่าจะรัก โลภ โกรธ หลง โดยเฉพาะตอนโกรธนี่ล่ะ ที่บางคนถึงกับเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ถึงจะไม่โกรธมาก อย่างน้อยอารมณ์งอนก็มีอยู่บ้าง จริงไหมคะ ทีนี้เมื่อเกิดอารมณ์ คนรักก็มักจะลืมเหตุลืมผล ถ้าเอาอารมณ์เป็นใหญ่ เอาอารมณ์เป็นตัวตัดสินใจ ในปัญหานั้นๆ ผลลัพธ์ที่ออกมามักจะไม่ทำให้แก้ปัญหาได้ มีแต่จะเพิ่มปัญหาให้มากยิ่งขึ้น
เคยมีตัวอย่างมากมายที่ บางคู่พยายามพูดกันเพื่อแก้ปัญหาตอนมีอารมณ์ จากเรื่องเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดฆ่ากันตายมาแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า ทั้งๆ ที่ถ้าต่างคนต่างเงียบ ไม่ต่อความยาวให้มากความ อีกสามวันต่อมาชีวิตอาจจะพบสิ่งที่เลิศล้ำกว่าการลงเอยด้วยความเศร้าอย่างที่เป็นก็ได้
การคุยกัน เพื่อแก้ปัญหาตอนมีอารมณ์ จะไม่มีทางแก้ปัญหาได้เลย เพราะทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งหมายที่จะ เอาชนะกัน มากกว่าหันหน้ามาแก้ปัญหา คำพูดที่ออกมา นอกจากจะไม่แก้ปัญหาแล้ว บางทียังทำให้เพิ่มปัญหาให้มากขึ้นด้วยซ้ำ
ทางที่ดีที่สุด คือ ต้องหยุดคุยกันทันทีเมื่อมีอารมณ์ เมื่อต้องสนทนาเพื่อแก้ปัญหากับคู่ชีวิตของเราแล้ว เขาหรือเธอเกิดมีอารมณ์ขึ้นมา อีกฝ่ายต้องระงับอารมณ์ อย่าให้มีขึ้นมาเหมือนกัน แต่ควรจะหันหลังให้แล้วไปทำธุระอื่นๆ สักระยะจนกว่าอารมณ์ที่กำลังพวยพุ่งของอีกฝ่ายจะหายไปก่อน ค่อยย้อนมาคุยกันใหม่นะคะ เรียกว่า "พักยก" หรือ "ขอเวลานอก" ก็ได้ค่ะ
2. อย่าคุยกันแบบหูทวนลม
เมื่อทั้งสองฝ่ายระงับอารมณ์กันได้แล้ว และพร้อมที่จะสนทนาเพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งควรคิดคำนึงถึงตลอดเวลา คือ ท่าทีของการสนทนา คือต้อง "รับฟังซึ่งกันและกัน" ไม่ใช่ฟังแบบขอไปที หรือฟังแบบมีท่าทีหูทวนลม ถ้าเป็นแบบนี้ก็คุยกันไม่ได้นาน และมักจะมีอาการ พาลพาโลตามมา ในไม่ช้าก็จะมีอารมณ์ ตามมาอย่างแน่นอนค่ะ
3. อย่าตัดสินใจอะไรในทันที
ตามธรรมดาที่เมื่อเกิดปัญหาขึ้น คนเราก็มักอยากให้ "ปัญหา" ไม่ลุกลามต่อไป เรียกว่าอยากให้จบๆ ไปเสียโดยเร็ว จึงมักตัดสินใจในทันที ที่จะ "หยุดปัญหา" ด้วยหวังว่าปัญหาจะจบลงได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราต้องยอมรับว่า ปัญหายังมีอยู่ เพียงแต่ว่ามันอาจจะซุกอยู่ใต้พรม และมีแนวโน้มจะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายังไม่ได้รับการแก้ปัญหาอย่างจริงๆ จังๆ
การตัดสินใจทันทีเมื่อเกิดปัญหาในชีวิตคู่แล้ว หาทางออกไม่ได้ มักตามมาด้วยการหลุดวาจาคำว่า "หย่าร้าง" หรือ "แยกทางกัน" ออกมา เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหลุดคำนี้ออกมาเมื่อไร ถึงจะพูดด้วยท่าทีธรรมดาๆ แค่ไหน ก็มักจะแฝงความรู้สึกว่าถูก "ท้าทาย" จากอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ จึงไม่ควรตัดสินใจทันทีที่จะพูดคำว่า "หย่า" ออกมา เมื่อชีวิตคู่มีปัญหาแล้วหาทางออกไม่ได้ สุดท้ายก็จบกันไปอย่างน่าเสียดายก็หลายคู่
ในทางกลับกันเมื่อคุยกันแล้ว เกิดหาทางออกได้ ก็อย่าเพิ่งตัดสินใจทันทีถึง "ทางออก" ที่หาได้ในขณะนั้น เพราะมันอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดก็ได้ ควรทอดเวลาของการตัดสินใจออกไปสักระยะเวลาหนึ่ง จึงค่อยตัดสินใจ และในความเป็นจริงของชีวิตจะพบว่า เมื่อทอดเวลาออกมาสักระยะหนึ่งจึงตัดสินใจ เรามักจะพบการตัดสินใจที่ดีกว่าเสมอ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ แล้ว "อย่าตัดสินใจอะไรทันที" เมื่อมีปัญหาในชีวิตคู่นะคะ
4. อย่าคิดถึงตัวเองมากเกินไป
โดยปกติธรรมดา เมื่อคนเรามีปัญหาขึ้นมา ก็มักจะคิดถึงแต่แง่มุมของตนเอง คิดถึงแต่เหตุผล ที่เข้าข้างตนเอง เมื่อเราไม่ฟังเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ยากที่จะหาข้อสรุปที่เป็นทางออกที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้
และสำหรับหลายๆ คู่ที่นอกจากจะต้องคิดถึงอีกฝ่ายที่เป็นคู่ชีวิตเราไปพร้อมๆ กับการคิดถึงตัวเองแล้ว ก็อยากฝากไว้อีกด้วยว่า "อย่าคิดถึงตัวเองสองคนที่เป็นคู่กรณีมากเกินไป ให้คิดถึงลูกด้วย" เพราะการตัดสินใจใดๆ ของเราย่อมเข้าไปมีส่วน เป็นผลกระทบต่อลูกบ้างไม่มากก็น้อย เมื่อทั้งคู่หันมาคิดถึงลูกเมื่อเกิดปัญหาชีวิตคู่ อะไรๆ ก็อาจจะดูง่ายเข้าต่อการแก้ปัญหา
ลองคิดเพียงง่ายๆ ว่า เราเป็นผู้สร้างปัญหา แต่ลูกต้องมามีผลกระทบรับกรรมไปด้วย มันถูกหรือไม่ ลองคิดดูก็คงทราบคำตอบ
หวังว่าเรื่องนี้คงมีประโยชน์บ้างตามสมควรแก่กรณี สำหรับผู้ที่อยากแก้ปัญหา แต่ถ้าไม่อยากแก้ปัญหา ก็ทำตรงข้ามทุกอย่าง รับรองต้องได้ "หย่า" กันแน่นอน หรือถ้าเป็นแฟน ก็คงต้องบอกว่า ทางใครทางมัน เราก็หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นนะคะ