โอเมก้า3 สำคัญอย่างไร


เชื่อว่าเพื่อนๆ คงเคยได้ยินคำว่าโอเมก้า 3 (Omega 3) กันมาบ้างแล้ว และรู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่อาจจะยังไม่ทราบรายละเอียดว่าจริงๆ แล้วเจ้าโอเมก้า 3 นั้นคืออะไรและดีต่อร่างกายอย่างไร ทำไมถึงดีต่อร่างกาย บทความนี้จะนำเรื่องเหล่านี้มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้เพื่อนๆ สาวๆ ได้รู้และสามารถจัดการเสาะหาของดีมีประโยชน์ให้กับร่างกาย และในเมื่อร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ก็ย่อมทำให้หน้าตาสดชื่นผ่องใสสวยงามไปด้วยเป็นเรื่องต่อเนื่องกัน จริงไหมล่ะคะ

ร่างกายของคนเรานั้น ต้องการสารพัดสารอาหารและสารเคมีเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง ในขณะที่สารเคมีบางอย่างนั้นเป็นคุณแก่ร่างกายเราในขณะที่สารเคมีบางอย่างก็เป็นโทษซึ่งเราก็จะต้องหลีกเลี่ยงในการได้รับเข้าไป สารเคมีบางอย่างอีกไม่เพียงแต่เป็นคุณแต่สามารถมีฤทธิ์ทำลายสารเคมีที่เป็นโทษแก่ร่างกายเราได้ก็มี ไขมันก็เช่นเดียวกัน มีทั้งไขมันชนิดที่ไม่ดีที่สร้างปัญหาให้กับร่างกายเรา และชนิดที่ดีที่เป็นคุณประโยชน์กับเรา ที่แย่หน่อยก็คือร่างกายของเราไม่สามารถสร้างสารอาหารที่จำเป็นทั้งหมดได้เองรวมทั้งกรดไขมันที่จำเป็นบางตัวด้วย ต้องอาศัยการได้รับจากภายนอก ไม่ว่าจะด้วยการทานอาหารที่มีกรดไขมันจำเป็นเข้าไป หรือจากการรับประทานโดยตรงในรูปของยาที่สกัดมาแล้วก็ตาม

ไขมันชนิดดี

กรดไขมันชนิดดีที่สำคัญอย่างหนึ่งคือกรดไขมันรวมชนิดไม่อิ่มตัวต่างๆ (PUFAs, Polyunsaturated Fatty Acids) โอเมก้า 3 เองก็จัดอยู่ในกรดไขมันจำพวกนี้ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกาย และเป็นส่วนประกอบที่ช่วยให้เนื้อเยื่อของเซลล์มีการเติบโต โอเมก้า 3 สามารถแปลงได้มาจากกรดอัลฟาไลโนเลนิก (ALA, Alpha Linolenic Acid) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นกรดตั้งต้นของกลุ่ม โอเมก้า 3 ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดคือกรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA, Eicosapentaenoic Acid) และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA, Docosahexaenoic Acid) แม้ว่าร่างกายของเราจะสามารถเปลี่ยนกรดอัลฟาไลโนเลนิก (ALA) ไปเป็นกรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) ได้ก็ตาม แต่ยังมีสัตว์อื่นเช่นปลา ที่สามารถแปลงกรด ALA ไปเป็นกรด EPA และ DHA ได้ดีกว่า คือได้จำนวนมากกว่ามนุษย์เรา ดังนั้นการรับประทานอาหารจำพวกปลาหรือไขมันปลาจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเราด้วย

ประโยชน์ของ โอเมก้า 3

การรับประทานอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 อย่างเหมาะสมจะทำให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ร่างกายของเราจำเป็นต้องมีระดับคอเรสเตอรอลชนิดดีอย่างเหมาะสม (อ่านเรื่อง ไขมัน ดีหรือไม่ดีกันแน่ ที่นี่) และมีประโยชน์ดังนี้

1. ช่วยลดการตอบสนองของร่างกายต่ออาการอักเสบ ลดอัตราการเป็นโรคหัวใจและมะเร็ง

2. โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อการสร้างผนังเซลล์ มีประโยชน์ต่อระบบประสาทและสายตา

3. โอเมก้า 3 มีอยู่จำนวนมากในสมองของเรา เป็นตัวที่ช่วยในเรื่องความจำ ความสามารถของสมอง อารมณ์ และพฤติกรรม การเรียนรู้ การคิดการจดจำ และการพัฒนาของสมองในวัยเด็ก และเนื่องจากโอเมก้า 3 มีมากในไขมันจากปลา เราจึงมักเคยได้ยินว่าการรับประทานปลาทำให้ฉลาด ก็คงเป็นเรื่องที่อิงมาจากเหตผลข้อนี้นั่นเอง

4. โอเมก้า 3 ช่วยรักษาอาการผิดปกติบางอย่างได้เช่น เบาหวาน โรคปวดข้อ โรคกระดูกพรุน คอเรสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง โรคหืด ช่วยการทำงานของระบบฮอร์โมน ลดอาการภูมิแพ้ต่างๆ

5. โอเมก้า 3 จะช่วยในการลดการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งช่วยลดอาการหัวใจวายและสมองขาดเลือดได้

แหล่งของโอเมก้า 3

ในเมื่อร่างกายไม่สามารถสร้างโอเมก้า 3 ได้เองอย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ เราก็ต้องหาแหล่งของไขมันชนิดนี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าจะต้องเป็นปลาน้ำเย็นเช่นปลาแซลมอน ปลาเทร้าท์ ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาแมคคาเรล เป็นต้น นอกจากนั้นก็ยังสามารถพบโอเมก้า 3 ได้ในเมล็ดวอลนัท บรอคโคลี, ดอกกะหล่ำ, เต้าหู้, ผักขม, กุ้ง, หอยแครง, ปลาเฮริง, ถั่วเหลือง เป็นต้น ผักที่มีใบสีเขียวเข้มก็จะมีกรด ALA ในขณะที่ปลาจะมีกรด EPA และ DHA ให้เราเอาไปใช้ได้เลยตรงๆ

แถมอีกนิดสำหรับเพื่อนๆ ที่อาจจะอยากทราบว่า ทำไมถึงเรียกว่า โอเมก้า 3 และเลข 3 นี้มาจากไหน เหตุที่เรียกแบบนี้ก็เพราะว่ามันเป็นกรดไขมันที่มีพันธะคู่ (double bond) ของอะตอมของคาร์บอน (C=C) เริ่มจากอะตอมของคาร์บอนตัวที่สามนับจากปลายของห่วงโซ่คาร์บอน (ปลายด้าน โอเมก้า) เราก็เลยเรียกมันว่า โอเมก้า 3 นั่นเอง นอกจากโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นชนิดหนึ่งแล้ว ยังมีกรดไขมันจำเป็นอีกชนิดหนึ่งคือ โอเมก้า 6 ซึ่งกรดไขมันสองตัวนี้รวมกันจะกลายเป็นวิตามินเอฟ (Vitamin F) ในบทความหน้าเราจะได้พูดถึงโอเมก้า 6 กันนะคะ