การใช้งานแบตเตอรี่มือถือที่ถูกต้อง


เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ ท่านคงจะต้องมีโทรศัพท์มือถือไว้ใช้ประจำตัว ถูกต้องไหมล่ะคะ มิหนำซ้ำหลายๆ คนใช้โทรศัพท์อัจฉริยะ ที่เรียกว่า Smart Phone ด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะเป็น BlackBerry (BB - บีบี) หรือยี่ห้ออื่นเช่น Apple, HTC, Nokia หลายๆ รุ่นเป็นต้น สิ่งหนึ่งที่เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญของโทรศัพท์เหล่านี้ก็คือ แหล่งจ่ายพลังงานซึ่งก็คือแบตเตอรี่ นั่นเอง ซึ่งเมื่อใดที่แบตเตอรี่หมดพลังงาน โทรศัพท์เครื่องนั้นๆ ของเราก็เหมือนกับท่อนไม้หนึ่งท่อนที่ต้องแบกไปด้วยเท่านั้นเอง จริงไหมคะ

เมื่อเราเป็นผู้ใช้ ก็น่าจะต้องรู้วิธีการที่จะใช้แบตเตอรี่ได้ทนทาน สามารถจ่ายพลังงานได้เต็มที่ในการประจุไฟแต่ละครั้งกันนะคะ ซึ่ง womanandkid จะได้นำเสนออธิบายง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

ข้อควรรู้ทั่วไปเกี่ยวกับแบตเตอรี่ชนิดประจุไฟใหม่ได้

ถ้าพูดถึงเรื่องการใช้งาน และข้อควรระวังในการใช้งาน ไม่ว่าแบตเตอรี่ชนิดประจุไฟใหม่ของเพื่อนๆ จะเป็นชนิดไหน ก็มีสิ่งที่จะต้องระวังไม่ต่างกันมากดังนี้ค่ะ

1. ระวังการลัดวงจรของขั้วไฟฟ้า หากเพื่อนๆ มีแบตเตอรี่สำรองหลายอัน การที่เก็บหรือพกพาแบตเตอรี่สำรองติดตัวไปไหนมาไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใส่ไว้ในกระเป๋า จะต้องระวังไม่ให้มีเศษโลหะใดๆ ไปลัดวงจรขั้วไฟฟ้าของแบตเตอรี่ได้ เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสูง เพลิงไหม้ และที่แน่ๆ คือทำอันตรายกับตัวแบตเตอรี่ให้เสียหายได้
2. ระวังไม่ให้ตกกระแทก เนื่องจากอาจจะทำให้การต่อเชื่อมภายในเสียหาย หรือทำให้ขั้วไฟฟ้าขยับเคลื่อนผิดที่ไป ทำให้เมื่อนำไปใช้งาน ไม่สามารถใช้การได้ดี บางครั้งถึงกับใช้ไม่ได้ก็มี
3. เมื่อทำการชาร์จหรือประจุไฟใหม่ จะต้องทำในที่อากาศปลอดโปร่งและไม่ร้อนจนเกินไป เนื่องจากในขณะที่ประจุไฟนั้นจะทำให้เกิดความร้อนขึ้นที่ตัวก้อนแบตเตอรี่ หากการระบายอากาศไม่ดีพอแล้ว จะทำให้แบตเตอรี่ร้อน เกิดความเสียหายขึ้นได้ไม่ว่าจะจากตัวก้อนเซลล์เอง หรือตัวหุ้มห่อ (ที่เป็นพลาสติก) บิดเบี้ยว สุดท้ายอาจจะไปมีผลต่อขั้วไฟฟ้าที่ต่อเชื่อมกับตัวโทรศัพท์ ทำให้ไม่สามารถใช้การได้ดี หากเพื่อนๆ ประจุไฟโทรศัพท์มือถือแล้ว ทางที่ดีก็ให้ถอดตัวโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าหรือซองต่างๆ ด้วยก็จะเป็นการดีค่ะ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเครื่อง BlackBerry บางรุ่น การประจุไฟควรทำในขณะที่ไม่ใช้งานเครื่อง เนื่องจากความร้อนจากการใช้งาน จะสะสมรวมกับความร้อนที่เกิดในขณะประจุไฟ ทำให้หีบห่อพลาสติกของแบตเตอรี่ร้อนจนบิดงอ ส่งผลกับการใช้งานในระยะยาวได้)
4. แบตเตอรี่ชนิดประจุไฟฟ้าใหม่ได้ มีอายุการใช้งานขึ้นกับวงรอบของการประจุ เช่นประจุได้ 1,000 ครั้ง ก็จะหมดอายุ คือไม่สามารถประจุไฟได้อีกต่อไป แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับอายุของแบตเตอรี่ประเภทนี้ด้วยก็คือ อายุภายหลังการผลิต คือมีอายุประมาณ 3-5 ปี นั่นคือแม้ว่าแบตเตอรี่จะไม่ได้ถูกใช้งานหลังจากการผลิต แต่เมื่อเวลาผ่านไป 3-5 ปี แบตเตอรี่ก็จะเสื่อมสภาพและใช้งานไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นเราควรเลือกซื้อแบตเตอรี่ที่สดใหม่ คือเพิ่งผลิตเสร็จใหม่ๆ และไม่ควรซื้อแบตเตอรี่พวกนี้มาเก็บเอาไว้ เพราะจะหมดอายุไปเองก่อนการใช้งานค่ะ
5. การเสียบสายประจุไฟสำหรับอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ให้เสียบเครื่องชาร์จเข้ากับเต้ารับให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงเสียบปลายสายเข้ากับตัวเครื่องโทรศัพท์เป็นลำดับสุดท้าย

ทำความรู้จักกับชนิดของแบตเตอรี่

แบตเตอรี่ชนิดต่างๆ นั้นมีการใช้งานที่แตกต่างกันเล็กน้อย โดยเฉพาะในเรื่องของการประจุไฟ การที่จะใช้งานได้ถูกต้องจึงควรรู้ชนิดของแบตเตอรี่ที่เรากำลังใช้อยู่ด้วย โดยที่เพื่อนๆ สามารถรู้ชนิดของแบตเตอรี่ที่ใช้อยู่ได้จากการเปิดคู่มือ หรือจากการถอดแบตเตอรี่ออกมาดู ก็จะเห็นว่าผู้ผลิตได้เขียนชนิดของแบตเตอรี่เอาไว้ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ใช้งานได้ถูกต้องค่ะ

1. แบตเตอรี่ชนิด Ni-Cd (นิเกิล-แคดเมียม)
เป็นแบตเตอรี่ชนิดที่สามารถประจุไฟใหม่ได้แบบแรกๆ ที่นำมาใช้งาน แบตเตอรี่ชนิดนี้มีความสามารถในการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้สูงและสม่ำเสมอกว่าแบบอื่น แต่ข้อเสียของมันคือมันมีความจำ (memory effect) นั่นคือเมื่อเราประจุไฟให้เต็ม แล้วนำไปใช้งานสักเล็กน้อย แล้วก็ทำการประจุไฟใหม่ พอใช้งานไปเพียงอีกเล็กน้อย ก็ประจุไฟใหม่อีก ดังนี้หลายๆ ครั้งเข้า จะเกิดปัญหากับเจ้าแบตเตอรี่ชนิดนี้ คือมันจะไม่สามารถถูกประจุไฟได้เต็มที่อีกต่อไป (ดูสินิสัยเสียจริงๆ) ดังนั้นวิธีใช้งานของแบตเตอรี่แบบ Ni-Cd นี้จะต้องใช้งานให้หมดไฟฟ้าในตัวมัน แล้วจึงประจุไฟใหม่ค่ะ ทำได้แบบนี้ทุกครั้งจะเป็นการดีกับทั้งตัวแบตเตอรี่และกับเราที่เป็นผู้ใช้ เมื่อใช้งานแบตเตอรี่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกๆ ให้ประจุไฟนาน 10-12 ชั่วโมง และใช้งานให้หมดทุกครั้งค่ะ
ปัจจุบันนี้ แบตเตอรี่สำหรับโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่ จะไม่ได้เป็นแบบนี้แล้ว ส่วนมากจะอยู่ในรูปของแบตเตอรี่แบบประจุไฟได้ที่เป็นก้อนแบบ AA หรือ AAA ค่ะ

2. แบตเตอรี่ชนิด Ni-MH (นิเกิล เมทัล ไฮไดรด์)
เป็นแบตเตอรี่ชนิดที่สามารถประจุไฟใหม่ได้ยุคที่สอง ที่พยายามแก้ไขการมีความจำ (memory effect) ของแบตเตอรี่แบบ Ni-Cd แต่ก็ทำได้ไม่หมดจดดี คือยังคงมีความจำเหลืออยู่บ้างนิดหน่อย การใช้งานก็ควรทำเหมือนกับแบตเตอรี่แบบ Ni-Cd คือพยายามใช้ให้หมดก่อนที่จะประจุไฟใหม่ แต่หากทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างไรแล้วก็มีความจำน้อยกว่าแบตเตอรี่ยุคแรกแบบ Ni-Cd อยู่เยอะ เมื่อใช้งานแบตเตอรี่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกๆ ให้ประจุไฟนาน 10-12 ชั่วโมง และใช้งานให้หมดทุกครั้งเช่นเดียวกันกับชนิด Ni-Cd ค่ะ
แบตเตอรี่ชนิด Ni-MH นี้ คือชนิดที่โทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่ ที่ราคาไม่เกิน 6,000 - 7,000 บาทเลือกใช้อยู่ ดังนั้นในการใช้งาน ถ้าเราสามารถใช้งานจนแบตเตอรี่หมดได้จริงๆ อย่างน้อยสักเดือนละหนึ่งครั้ง ก็จะเป็นการดีนะคะ

3. แบตเตอรี่แบบ Li-ion (ลิเธียม อิออน)
เป็นแบตเตอรี่ชนิดที่สามารถประจุไฟใหม่ได้ยุคที่ได้รับการพัฒนามาอีกขั้นหนึ่ง ที่สามารถแก้ไขการมีความจำ (memory effect) ของแบตเตอรี่ได้เกือบหมดสิ้น ดังนั้นแล้วเพื่อนๆ สามารถประจุไฟฟ้าเมื่อไรก็ได้เมื่อต้องการ ไม่จำเป็นต้องใช้งานให้หมดก่อน ซึ่งเหมาะกับโทรศัพท์ยุคใหม่ที่เป็นแบบอัจฉริยะหรือ smart phone ทั้งหลาย ที่การที่ทนใช้โทรศัพท์ไปจนแบตเตอรี่หมด แล้วเครื่องดับไปเองบ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอนสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือไม่ควรใช้แบตเตอรี่ชนิดนี้จนหมดประจุ แล้วทิ้งไว้นานๆ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ นอกจากนั้นแบตเตอรี่ชนิดนี้เป็นพวกชอบออกกำลังกาย การทิ้่งเขาไว้เฉยๆ ไม่ได้ใช้งานให้คายประจุจ่ายไฟออกมา และไม่ได้รับการประจุใหม่เลยเป็นเวลานานๆ จะเป็นสิ่งที่ไม่ดี ดังนั้นอย่างน้อย ในทุกๆ หนึ่งเดือน ควรจะใช้งานและประจุไฟใหม่สักหนึ่งรอบค่ะ
แบตเตอรี่ชนิด Li-ion นี้ คือชนิดที่โทรศัพท์มือถือแบบอัจฉริยะต่างๆ เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone 4, BlackBerry ก็เลือกแบบนี้เป็นหลัก การใช้งานครั้งแรกของแบตเตอรี่ชนิดนี้ เพียงประจุไฟให้เต็มครั้งแรกแล้วใช้งานไปตามปกติได้เลยค่ะ ไม่ต้องกังวลกับการพยายามใช้ไฟให้หมดแล้วประจุไฟใหม่ทุกๆ ครั้งอีกต่อไป

อายุและรอบการใช้งานแบตเตอรี่

นอกจากอายุของตัวแบตเตอรี่ที่ได้บอกไว้แล้วตามด้านบนคือ 3-5 ปี ก็ยังมีอายุจากวงรอบการใช้งาน โดยทั่วไปก็คือสามารถประจุไฟฟ้าใหม่ได้ 500 - 1,000 รอบ โดยสำหรับแบตเตอรี่ชนิด Ni-Cd หรือ Ni-MH จะนับวงรอบการประจุไฟจนเต็มหนึ่งครั้ง เป็นหนึ่งรอบ แต่สำหรับแบตเตอรี่ชนิด Li-ion จะนับต่างกันไป นั่นคือถ้าเป็นแบตเตอรี่แบบ Li-ion หนึ่งวงรอบคือการใช้งานจนหมด และประจุไฟใหม่จนเต็ม นั่นคือถ้าเพื่อนๆ ใช้งานจนเหลือพลังงานไฟฟ้า 50% แล้วประจุไฟใหม่ ทำแบบนี้สองครั้ง จึงนับเป็นหนึ่งรอบค่ะ
ในทางเทคนิคแล้ว การประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ชนิด Li-ion จะทำการประจุไฟด้วยกำลังไฟค่อนข้างสูง จนกระทั่งตัวแบตเตอรี่เก็บพลังงานได้ถึงระดับ 80% แล้ว เครื่องประจุไฟฟ้าจะลดกำลังลง และประจุพลังงานส่วนที่เหลืออีก 20% จนกระทั่งเต็ม แต่เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เพราะว่าเครื่องประจุกับตัวเครื่องโทรศัพท์ จะจัดการเรื่องนี้ให้เราเอง ข้อสำคัญก็คือต้องใช้เครื่องประจุ (ถ้าซื้อแยก) ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานค่ะ

หวังว่าเพื่อนๆ จะได้รับความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการใช้งานแบตเตอรี่ ตามสมควร เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ และคุ้มค่ากับราคาค่าตัวของมันนะคะ