เพื่อนๆ คงรู้จักชิ้นส่วนของผลไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า อัลมอนด์ (Almond) ใช่ไหมคะ เจ้าอัลมอนด์ที่เราเห็นกึ่งแข็ง กึ่งนิ่ม และเรารับประทานกันนั้น เป็นชิ้นส่วนของผลไม้ที่มีความน่าสนใจ เพราะนอกจากเราจะนำมารับประทานในรูปของขนม หรือเป็นส่วนผสมของขนมได้แล้ว เจ้าอัลมอนด์ก็ยังสามารถนำไปทำอย่างอื่นได้อีกอย่างน่าสนใจเลยทีเดียวชนิดของอัลมอนด์
จริงๆ แล้วถ้าพูดถึงต้นไม้ที่เรียกว่าต้นอัลมอนด์ ก็จะต้องเข้าใจกันก่อนนะคะว่ามีสองชนิด คือแบบสวีทอัลมอนด์ (Sweet almonds) ซึ่งจะมีดอกสีขาว มีเมล็ดค่อนข้างยาว อัลมอนด์ชนิดนี้เราจะเห็นได้ค่อนข้างบ่อย เพราะว่ามักจะนำมารับประทานกัน ส่วนอีกแบบหนึ่งนั้นเรียกว่าบิทเทอร์อัลมอนด์ (Bitter almonds) ซึ่งจะมีดอกสีชมพู มีเมล็ดที่แป้น สั้นกว่าชนิดแรก
น้ำมันจากอัลมอนด์แต่ละชนิด
ต้นอัลมอนด์แบบสวีทอัลมอนด์จะให้น้ำมันอัลมอนด์ (Almond oil) ที่เรียกว่าน้ำมันพืช (Fixed oil) คือเป็นน้ำมันพื้นฐานที่มาจากพืช น้ำมันนี้จะไม่ระเหย ซึ่งก็มีลักษณะเหมือนกับน้ำมันที่เราใช้ปรุงอาหารทั่วๆ ไปนั่นเองคือมีความปลอดภัยในการใช้งานด้านการบริโภค ในขณะที่ต้นอัลมอนด์แบบบิทเทอร์อัลมอนด์จะให้น้ำมันที่เป็นน้ำมันพืชสำหรับปรุงอาหารในปริมาณที่น้อยกว่า และที่สำคัญยังมีสารเคมีที่ต้องระวังปนอยู่ด้วยคือไซยาไนด์ (Cyanide) โดยจะมีน้ำมันหอมระเหย (Essential oil) ที่ปนอยู่ในน้ำมันพื้นฐานจำนวนค่อนข้างมาก น้ำมันหอมระเหยนี้จะสามารถระเหยได้ (ก็สมชื่อนั่นเองค่ะ) ซึ่งก็ไม่ได้ใช้งานในทางเป็นน้ำมัน แต่เราจะใช้ประโยชน์จากกลิ่นของมันมากกว่า ซึ่งในการผลิตน้ำมันหอมระเหยจากบิทเทอร์อัลมอนด์จริงๆ จะต้องมีกระบวนการในการกำจัดไซยาไนด์ออกให้เรียบร้อยก่อนค่ะ
การใช้ประโยชน์จากน้ำมันอัลมอนด์
จะเห็นได้ว่าน้ำมันจากสวีทอัลมอนด์และบิทเตอร์อัลมอนด์นั้นแตกต่างกนอย่างมาก โดยที่น้ำมันจากต้นสวีทอัลมอนด์ประกอบไปด้วยโอเลอิน (Olein) และกรดไลโนเลอิก (Linoleic acid) มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุจำนวนมาก จึงช่วยในการถนอมผิว นอกจากนั้นยังมีความสามารถดีในการหล่อลื่น ให้ความชุ่มชื้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกับผิวหนังที่แห้ง เป็นน้ำมันที่ซึมซับลงผิวหนังได้ง่ายทำให้เรานำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งในการนวดและในเครื่องสำอางที่ใช้กับผิวหน้า ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางจึงมีการใช้น้ำมันอัลมอนด์ซึ่งมีประโยชน์รอบตัวเป็นฐานในการผสมซีรั่ม (Serum) และอื่นๆ อีกมากมาย
ในทางตรงกันข้าม น้ำมันจากต้นบิทเทอร์อัลมอนด์นั้นมีลักษณะเป็นน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) น้ำมันชนิดนี้จะไม่ได้ทำหน้าที่ในการบำรุงผิวแต่ประการใด ความดีของน้ำมันชนิดนี้ก็คือความหอม หรือกลิ่นอันหอมหวลของมันนั่นเอง นอกจากนั้นก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ในด้านของการรักษาด้วยกลิ่น (Aromatherapy) เหมือนกับน้ำมันหอมระเหยอื่นๆ ตัวอย่างเช่นลาเวนเดอร์ (Lavender) จะมีคุณสมบัติในการช่วยให้เกิดอาการผ่อนคลายและยังมีประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณด้วย เรานำกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยอัลมอนด์มาใช้ก็เพียงเพราะกลิ่นของมันจริงๆ เท่านั้นเอง
ในบทความต่อไป เราจะมาดูกันว่า เราสามารถนำน้ำมันอัลมอนด์ไปใช้ประโยชน์ในเรื่องของความสวยความงามได้อย่างไรบ้าง โปรดติดตามบทความจาก Womanandkid ต่อไปนะคะ