คลีนเซอร์มีกี่ชนิด


เชื่อว่าสาวๆ ทั้งหลายอย่างพวกเราจะต้องเคยใช้คลีนเซอร์กันมาบ้าง แต่เคยสงสัยหรือไม่คะว่าคลีนเซอร์ที่เราใช้ๆ กันนั้นอันที่จริงมีกี่ชนิด และแต่ละชนิดจะเหมาะกับผิวแบบไหน หรือเหมาะกับผิวของเราหรือไม่นั่นเอง มาดูกันให้หายสงสัยกันไปเลยแบบละเอียดๆ ในบทความเรื่องนี้จาก womanandkid.blogspot.com กันค่ะ

นอกจากน้ำเปล่าๆ กับสบู่ธรรมดาๆ แล้ว ในโลกนี้ยังมีเครื่องทำความสะอาดหน้าที่เรียกว่าคลีนเซอร์ (cleanser) ต่างๆ อีกหลายชนิด จะพูดไปคำว่าคลีนเซอร์นั้นก็ค่อนข้างจะกว้างเป็นทะเลเลยทีเดียว คืออะไรที่สามารถทำความสะอาดได้ก็เรียกว่าคลีนเซอร์หมด แต่โดยทั่วไปแล้วคลีนเซอร์ถูกออกแบบมาให้ใช้กับผิวหลายชนิดที่แตกต่างกันสามารถทำความสะอาดได้ดีโดยที่ไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไปแบบที่สบู่ธรรมดามักจะเป็น เราอาจจะเคยเห็นคลีนเซอร์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ครีม น้ำนม เจล โฟม น้ำมัน หรือแบบโลชั่นก็มี แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็มักจะประกอบไปด้วยส่วนผสมของน้ำมัน ไขหรือแว้กซ์ และน้ำ โดยที่ผู้ผลิตก็จัดการดัดแปลงส่วนผสมให้เหมาะกับผิวแบบต่างๆ เช่นผิวคลีนเซอร์สำหรับผิวแห้งก็จะต้องไม่ล้างเอาไขมันออกมากนัก (บางที เติมไขมันลงไปด้วยซ้ำก็มี) ในขณะที่คลีนเซอร์สำหรับผิวมันก็จะล้างไขมันออกจากผิวได้มากกว่า คลีนเซอร์แบบครีม น้ำนม หรือโลชั่นจะเหมาะเป็นพิเศษกับการทำความสะอาดเครื่องสำอางต่างๆ จากผิวแห้ง โดยใช้หลักการทำละลายด้วยน้ำมันและชะล้างเอาเครื่องสำอางออกมาได้และสามารถออกแบบให้ทิ้งแผ่นบางๆ ของฟิล์มความชื้นไว้เพื่อป้องกันการล้างเอาไขมันออกจากผิวมากเกินไป คลีนเซอร์สำหรับผิวหน้าควรสามารถชำระล้างน้ำมันหรือไขมันต่างๆ ที่ออกมาจากต่อมไขมันในผิว แต่ก็ไม่ควรล้างไขมันเซอร์อะมิด (Cemamide) ออกจากชั้นหนังกำพร้าบนสุดที่เรียกว่า สตราตัม คอร์เนียม (stratum corneum) เพราะมีหน้าที่ป้องกันการเสียความชุ่มชื้นออกจากผิวของเรา

คลีนเซอร์ชนิดต่างๆ

หลังจากที่เราได้รู้จักคลีนเซอร์แบบคร่าวๆ กันแล้ว ว่ามันจะต้องทำอะไรและไม่ทำอะไรกับผิวของเราบ้าง คราวนี้มาดูกันว่ามีคลีนเซอร์กี่ชนิดที่มีการออกแบบและจำหน่ายกันอยู่ในปัจจุบันมีอะไรบ้างและมีคุณสมบัติอย่างไร ซึ่งหลักสำคัญที่สุดก็คือผิวที่มีลักษณะแตกต่างกันก็จะเหมาะกับคลีนเซอร์ต่างกัน

1. คลีนเซอร์สำหรับผิวธรรมดา
เป็นชนิดที่แพร่หลายที่สุด คลีนเซอร์แบบนี้เมื่อผสมกับน้ำจะเป็นฟอง บางครั้งอาจจะใช้สารทำความสะอาดสังเคราะห์เนื่องจากสามารถใช้งานในน้ำกระด้างได้ดี อาจจะมีการใส่ส่วนผสมบางอย่างที่ทำให้หลังจากการล้างน้ำสุดท้ายออกแล้วจะทิ้งความชุ่มชื้นและนุ่มนวลไว้บนผิวด้วย

2. คลีนเซอร์สำหรับผิวแห้ง
ผู้ที่ผิวแห้งควรจะใช้คลีนเซอร์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวในขณะที่ทำความสะอาดไปด้วย คลีนเซอร์แบบนี้อาจจะเป็นสารทำความสะอาดสังเคราะห์ที่ทำงานแบบอ่อนโยน บางครั้งในช่วงที่อากาศแห้งมากๆ สำหรับผู้ที่ผิวแห้งแล้วอาจจะควรทำความสะอาดผิวหน้าและข้อพับต่างๆ ด้วยคลีนเซอร์ และต้องระวังผิวส่วนอื่นของร่างกายแห้งเกินไปด้วย คลีนเซอร์สำหรับผิวแห้งบางอย่างอาจจะออกแบบให้มีฟิล์มของขี้ผึ้งบางๆ เคลือบผิวไว้ด้วย

3. คลีนเซอร์สำหรับผิวมัน
คลีนเซอร์แบบนี้จะใช้สารทำความสะอาดที่ทำงานกับน้ำธรรมดา (water-based) โดยทำความสะอาดอย่างลึกล้ำที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับผิวมันโดยเฉพาะเพื่อการลดความเร็วในการสร้างน้ำมันจากผิวของเรา ตัวอย่างของคลีนเซอร์แบบนี้ก็เช่นแบบสบู่และแบบน้ำ แต่เนื่องจากผิวบริเวณใบหน้า หน้าอก และหลังอาจจะมีความมันมากกว่าผิวบริเวณอื่น ดังนั้นเพื่อนๆ อาจจะจำเป็นต้องใช้คลีนเซอร์สำหรับผิวมันในบริเวณที่กล่าวมา และใช้แบบสำหรับผิวธรรมดา (หรือแห้ง) ที่เพิ่มความชุ่มชื้นในบริเวณอื่นเช่น ขา แขน มือ และเท้า คลีนเซอร์ที่เหมาะกับผิวมันอาจจะเหมาะสำหรับผิวที่เป็นสิวง่ายด้วยนะคะ

4. คลีนเซอร์สำหรับผิวผสม
คลีนเซอร์แบบนี้มักจะเป็นแบบโฟม เจล หรือแบบโลชั่นที่ได้รับการปรับให้มีความสมดุลของความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่ดี จะเหมาะกับผิวแบบผสมจนถึงผิวแห้ง ถ้าคุณสาวๆ มีผิวแบบผสมก็คงต้องมองหาคลีนเซอร์ที่ให้ความสำคัญเรื่องการปรับ pH balance เหล่านี้สักหน่อยค่ะ

5. คลีนเซอร์สำหรับผิวแพ้ง่าย
สาวๆ ที่มีผิวแบบนี้จะค่อนข้างมีปัญหากับอาการแพ้ ไม่ว่าจะแพ้จากน้ำหอมหรือสารกันบูดต่างๆ นอกจากนั้นยังมีปัญหากับการแพ้วิธีทำความสะอาดที่มีการขัดการถูด้วย สารทำความสะอาดสังเคราะห์ส่วนมากจะมีการปรับสมดุลของความเป็นกรด-ด่างและเหมาะกับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย คลีนเซอร์หลายอย่างโดยตัวมันเองก็ไม่ได้ทำให้เกิดอาการแพ้อะไรนัก แต่ปัญหากลับเกิดจากสารลดแรงตึงผิว (เพื่อเพิ่มฟอง) จึงต้องระวังเช่นกันนะคะ

6. คลีนเซอร์สำหรับผิวเป็นสิว
คลีนเซอร์แบบนี้จะถูกออกแบบมาให้ทำความสะอาดนำเอาน้ำมันต่างๆ เครื่องสำอาง คราบเหงื่อ และฝุ่นผงต่างๆ ออกจากผิว ข้อดีของการทำนี้จะทำให้ครีมหรือยาแก้สิวต่างๆ สามารถดูดซึมลงผิวได้ดีขึ้น แต่ถ้าสาวๆ ใช้คลีนเซอร์แบบนี้มากเกินไปล่ะก็ คงทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้โดยเฉพาะผิวที่แห้ง ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ถี่เกินกว่าวันละหนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้นนะคะ

7. คลีนเซอร์แบบฆ่าเชื้อ
เรียกให้นุ่มนวลหน่อยก็คือแบบต่อต้านแบคทีเรียอะไรทำนองนั้นล่ะค่ะ แบบนี้อาจจะมีส่วนประกอบที่เป็นตัวยาอยู่ด้วย ที่เป็นที่นิยมก็เช่นไตรโคลซาน (Triclosan) สำหรับบางคนที่มีปัญหาเรื่องเชื้อโรคต่างๆ บนผิวอาจจะจำเป็นต้องใช้คลีนเซอร์แบบนี้ โดยทั่วไปแล้วต้องระวังเนื่องจากคลีนเซอร์แบบนี้มักจะทำให้ผิวแห้งกว่าปกติและอาจจะกลายเป็นเหตุทำให้เกิดโรคเรื้อนกวางได้ คลีนเซอร์ที่สามารถฆ่าเชื้อได้อาจจะช่วยลดการเป็นสิวได้ในสาวๆ ที่เป็นสิวอักเสบอยู่ แต่ก็ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก็ดีนะคะ

8. คลีนเซอร์ชนิดนุ่มนวลพิเศษ (mild cleanser)
สาวๆ บางคนอาจจะต้องการคลีนเซอร์ที่มีความนุ่มนวลกับผิวเป็นพิเศษโดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นสิว หรือผิวแพ้ ระคายเคืองได้ง่าย คลีนเซอร์แบบนี้เหมาะกับการใช้งานบ่อยได้ ผลิตภัณฑ์คลีนเซอร์แบบนี้จากหลายผู้ผลิตจะเป็นแบบไม่มีน้ำมัน (oil-free) ซึ่งก็เหมาะกับการใช้บนผิวที่แพ้ง่าย แต่ถ้าใช้แล้วและไม่บ่อยเกินไปแล้วยังเกิดอาการผิวแห้ง ก็อาจจะต้องลองเปลี่ยนเป็นชนิดที่เพิ่มน้ำมันให้กับผิวของเราบ้าง แต่ทำไปทำมาก็อาจจะสร้างปัญหาอื่นให้ได้เช่น ต้องไปใช้โทนเนอร์เพื่อเช็ดเอาน้ำมันออก และกลายเป็นว่าโทนเนอร์นั้นเองทำความระคายเคืองให้กับผิวของเรา

หลังจากทราบบรรดาสารพัดชนิดของคลีนเซอร์แล้ว เพื่อนสาวๆ คงสามารถเลือกคลีนเซอร์ได้ดีขึ้น แต่ก็ต้องจำไว้ว่าเรื่องของผิวนั้นอาจจะค่อนข้างซับซ้อนสำหรับบางคน บางครั้งอาจจะต้องทดลองยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้บ้าง แต่ความรู้ที่เราเล่าให้ฟังก็จะช่วยทำให้สาวๆ เลือกได้ดียิ่งขึ้นนะคะ