วิถีสาวเพื่อถนอมรัก


เขาว่ากันว่า พวกผู้ชายนั้นมาจากดาวอังคาร ในขณะที่พวกผู้หญิงนั้นมาจากดาวพระศุกร์ คำเปรียบเปรยนี้มีความหมายว่า คนสองเพศนี้มีความแตกต่างกันได้มากมายทางด้านความคิดความเห็น เหมือนกับมาจากดาวคนละดวงกันนั้นก็ไม่ปาน ดังนั้นสิ่งที่สาวๆ เราเห็นว่าดี สมควร พวกหนุ่มๆ เขาอาจจะเห็นเป็นคนละอย่าง หรือแม้กระทั่งเป็นตรงกันข้ามกันไปเลยก็ได้ ในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน สิ่งที่เหล่าบรรดาคุณหนุ่มๆ เขาเห็นว่าดี สาวๆ เราอาจจะบอกว่าไม่ได้เรื่องก็เป็นไปได้ เมื่อคุณหนุ่มและคุณสาวสองเพศนี้มาอยู่ด้วยกัน ก็ย่อมต้องมีการปรับตัวและปรับใจ เพื่อทำความเข้าใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งคิดและชอบอย่างไรด้วย เราลองมาดูกันดีกว่าว่า หากสาวๆ เราต้องเป็นฝ่ายที่เข้าใจชาวหนุ่มๆ ก่อน จะต้องปรับใจปรับตัวอย่างไร เพื่อทนุถนอมความรักของคนสองเพศ (อีกที... ที่ดูเหมือนว่าจะมาจากต่างดวงดาว ต่างพิภพกัน) เอาไว้ให้ได้ยืนนาน ลองมาติดตามกันค่ะ

1. ชมบ้างก็ดีนะ

ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม คงมีหลายครั้งที่คุณหนุ่มๆ ได้ทำอะไรให้กับคุณสาวๆ บ้าง ทางฟากคุณสาวๆ เองก็เหมือนกัน อย่าไปคิดแต่ว่า "ก็ต้องทำสิ มันหน้าที่ที่เขาต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว" ถ้าเป็นแบบนี้หนุ่มๆ ที่สามารถแอบรู้ความในใจได้ ก็คงหมดแรงเสียก่อนเป็นแน่เท้ สาวๆ ก็ควรจะขอบคุณ ชมเชย คุณหนุ่มๆ บ้างนะคะ ไม่ต้องชมให้เลิศเลออะไรนักหนา แต่ขอให้เขาทราบได้ว่า คุณได้รับรู้ในการกระทำดีของเขาต่อคุณค่ะ

2. เรื่องไร้สาระก็บ่นน้อยๆ หน่อย

เมื่อคนสองคนอยู่ใกล้ๆ กัน หรือแม้กระทั่งอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แต่เนื่องจากผู้ชายก็คือผู้ชาย ผู้หญิงเราก็คือผู้หญิง (อ้าว ก็ต้องเป็นแบบนั้นสิ) มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทางฝ่ายชายและหญิงมีกฏระเบียบในตัวเองต่างกัน ทางฝ่ายหญิงอาจจะเป็นฝ่ายเจ้าระเบียบ ทางฝ่ายชายออกแนวแหกกฏแหวกแนวอยู่ตลอดในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นทานข้าวแล้วไม่ค่อยเก็บจาน ในขณะที่ทางฝ่ายชายก็บอกว่า การเก็บไม่ค่อยสำคัญหรอก และถึงจะไม่เก็บแต่ก็ช่วยล้างนะเธอจ๋า ถ้าออกมาในรูปแบบนี้ สาวๆ ก็คงจะต้องเพลาการบ่น เพลาการจู้จี้เป็นระเบียบเป๊ะลงเสียบ้าง จะทำให้เกิดความร่มเย็นได้นะคะ

3. ปล่อยเขาเสียบ้าง

ตามวิสัยของผู้ชายแล้ว เป็นเพศที่ต้องการการผจญภัย รู้จักแลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนฝูง ดังนั้นการที่ฝ่ายชายจะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงนั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เพราะว่าเป็นธรรมชาติแบบนั้น ฝ่ายสาวๆ เราก็คงไม่อยากอยู่กับชายหนุ่มที่เมื่อพาไปไหนมาไหนด้วย แล้วคนอื่นถามถึงเรื่องนั้นก็ไม่รู้จัก ถามถึงเรื่องนี้ก็ไม่รู้เรื่อง แบบนี้คงไม่ไหวนะคะเพราะเหมือนควงเอาเสาหลักเมืองไปเที่ยวด้วยกัน หากการไปสังสรรค์หาข้อมูลใหม่ๆ นั้นไม่ได้เป็นการบั่นทอนความมั่นคงของครอบครัวลงไปแล้ว สาวๆ ก็ปล่อยเขาไปเสียบ้างเถอะค่ะ เพราะเมื่อกลับมาก็จะมาดูแลเราอย่างสดชื่นต่อไปอย่างไงล่ะค่ะ

4. เขาเล่าก็เพราะไว้ใจ

สาวๆ จะต้องเข้าใจอยู่อย่างหนึ่งว่า ธรรมชาติของผู้ชายส่วนใหญ่แล้วจะต้องการแสดงออก อาจจะมากหรือน้อยก็แล้วแต่คนต่างๆ กันไป แต่เมื่อเขาไว้ใจคุณแล้ว ผสมกับธรรมชาติที่จะต้องแสดงออก การที่เขาพูดในบางเรื่องที่อาจจะทำให้คุณไม่สบายใจ เช่นเขาอาจจะไม่ชอบพฤติกรรมของคุณบางอย่าง ไม่ถูกใจกิริยาของเพื่อนคุณบางคน แบบนั้นหนุ่มๆ เขามองว่าเขาพูดเพราะเห็นว่าไว้ใจกันและสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง สาวๆ ก็อย่าไปคิดเป็นตรงกันข้ามไปว่าตัวเรานั้นไม่ดีเอาเสียเลย หรือคุณหนุ่มๆ มายุ่งย่ามอะไรมากเกินไป นั่นจะกลายเป็นการมองคนละมุมไปได้นะคะ

5. ให้ความสำคัญกว่า

ตอนที่เขียนหัวข้อนี้ ทีแรกใส่วงเล็บไว้ตรงคำว่า (กว่า) แต่สุดท้ายก็ต้องนำออกไป โชคดีที่เรื่องนี้แล้วสำหรับทั้งหนุ่มและสาวจะค่อนข้างเหมือนกัน สาวๆ ลองคิดดูสิคะว่า ระหว่างที่แฟนของคุณบอกว่าคุณอวบไปนิดนะจ๊ะ กับบอกว่า เพื่อนสาวของเขาคนหนึ่ง "รูปร่างหน้าตาใช้ได้นะ ถึงจะเจ้าเนื้อไปนิด" คุณน่ะจะปรี๊ดแตกขนาดไหน (หวังว่าคงไม่ขนาดนั้นนะคะ) ก็เหมือนกันล่ะค่ะ ถ้าวันๆ สาวๆ เอาแต่พูดถึงชายหนุ่มอื่น ว่าดีแบบนั้น เลิศแบบนี้ อย่างนี้หนุ่มใกล้ตัวคุณเองคงจะต้องไม่พอใจเป็นแน่แท้ เพราะชายหนุ่มจะแปลความหมายว่า อันตัวเขาไม่ได้เป็นแบบที่คุณสาวอยากให้เป็นหรือต้องการ (ทั้งๆ ที่คุณอาจจะไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยก็ได้) สาวๆ ก็ควรจะพูดถึงชายอื่นให้น้อยๆ หน่อยนะคะ

เห็นไหมล่ะคะว่า บางครั้งสิ่งที่พูดเปรียบเปรยกันว่า คนสองเพศ (หนุ่มและสาว) นี้มาจากดาวคนละดวงกันดังที่เกริ่นเอาไว้แต่แรก ก็เป็นคำพูดที่ไม่ได้เกินเลยไปสักเท่าไร แต่เมื่อรู้ว่าจะสามารถอยู่ร่วมกันให้มีความสุขได้อย่างไรแล้ว การปรับใจ และปรับตัวที่จะปฏิบัติตามเพื่อสืบสานความสัมพันธ์ต่อไปอย่างมีความสุขก็น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไป จริงไหมคะ