เพื่อนสาวๆ อาจจะแปลกใจว่าเอ๊ะ อยู่ดีๆ ทำไมหนอเว็บไซต์ womanandkid ถึงได้ชวนคุยเรื่องเกี่ยวกับการทำงานเสียได้ ก็ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะเพราะว่า ต้องยอมรับว่า (จะยอมรักทำไม ก็พวกเดียวกันนี่นา) สาวๆ เราไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเพียงอย่างเดียวอีกแล้ว เพราะเพื่อนหลายคนอาจจะทำงานเป็นหลัก ซ้ำหลายคนอาจจะทั้งดูแลเรื่องบ้านด้วยและทำงานไปด้วย เรียกว่าทำได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันเลยทีเดียวคราวนีเมื่อเราต้องทำงาน งานส่วนมากก็จะต้องมีการติดต่อกับคนนั้นคนนี้ หลายคนทำงานในสำนักงานเล็กๆ ในขณะที่อีกหลายคนมากก็ทำงานในสำนักงาน บริษัท หรือหน่วยงานของรัฐ แต่ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กก็ตาม ก็มักจะมีเพื่อนร่วมงานอยู่ด้วยเสมอ และก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่มาจากคนละที่กันแต่มาอยู่ด้วยกัน ความไม่พอดี ไม่พอใจ ไม่ลงรอยไม่ว่าทางกายหรือทางใจย่อมเกิดขึ้นได้และอาจจะนำพาทำให้บรรยากาศการทำงานเสียไปได้ ลองดูกันดีกว่านะคะว่า การเสริมสร้างให้บรรยากาศการทำงานร่วมกันดำเนินไปได้ด้วยดีนั้น ทำอย่างไรได้บ้างค่ะ
1. ปากเป็นเอก
ว่ากันว่าปากคนร้ายกว่าปากกา ปากคนสามารถทำร้ายคนอื่นได้ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือว่าลับหลัง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีและยังผิดศีลด้วยนะคะ คำว่าปากดีนี้ไม่ได้หมายถึงว่าต้องไปเสแสร้างแกล้งชมใครโดยไม่เป็นความจริงนะคะ เพียงต้องละเว้นไม่ปฏิบัติสิ่งที่ไม่ดี (คือเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเรื่องควรทำ) ก็คือไม่ต่อว่า ไม่วิจารณ์ใคร เราอาจจะเคยเห็นการที่ใครบางคนต่อว่าคนอื่นเอาแรงๆ เช่น "จะบ้าหรือ คิดได้ไง" หรือ "เอาอะไรคิดเนี่ย มีสมองหรือเปล่า" แบบนี้เป็นการสนุกปาก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นสิ่งที่ไม่น่ารักเลย และแสดงความเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง นอกจากจะเสียบรรยากาศในการทำงานแล้ว อยากกระซิบบอกสาวๆ นิดหนึ่งนะคะว่า หนุ่มๆ ที่แอบได้ยินจะต้องผงะออกจากตัวคุณไปเลยทีเดียวล่ะค่ะ
2. เป็นผู้ฟังที่ดี
ไม่ว่าจะฟังหู ฟังสองหู หรือฟังหูไว้หูก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีทั้งสิ้น (จากนั้นค่อยมาคิดทีหลังว่าถูกต้องหรือไม่อย่างไร) การที่เราจะให้ใครฟังเรา วิธีที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งก็คือเราต้องเป็นผู้ที่ฟังคนอื่นเขาด้วย การยอมรับฟังนั้นไม่ได้หมายถึงการยอมรับว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะสามารถแย้งได้อีกในภายหลังด้วยเหตุและผลที่สมควร การไม่ฟังกันนั้นนอกจากจะทำให้สื่อสารกันไม่รู้เรื่องแล้ว ยังเป็นการแสดงออกทางอ้อมถึงการไม่ใส่ใจกัน ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เรียกว่า ฟังกันบ้าง ยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งแสดงความคิดเห็นบ้าง ก็เป็นการเสริมสร้างบรรยากาศในการทำงานได้แล้วค่ะ
3. พยายามเข้าใจคนอื่น
เรื่องนี้้ต้องขอยืมมาจากแนวคิดจากหนังสือเรื่องอุปนิสัย 7 ประการของผู้มีประสิทธิผลสูง (The 7 Habit of Highly Effective People) กันเลยทีเดียวค่ะ คือต้องพยายามเข้าใจคนอื่นก่อนที่จะให้คนอื่นเข้าใจเรา บางทีเพื่อนร่วมงานอาจจะมีความคิด มีความต้องการแปลกๆ หรือแม้แต่มีเรื่องไม่สบายใจมาบ่นให้เราฟัง แม้ว่าเราจะไม่ได้มีความคิดแบบเขา หรือมีเรื่องกังวลแบบนั้น แต่ก็เป็นเรื่องของใจเขาใจเรา ถ้าเราพยายามทำความเข้าใจเขาบ้างว่าเกิดอะไรขึ้น และหากดียิ่งขึ้นสามารถให้คำปรึกษา (ปรึกษานะคะ ไม่ใช่ชี้นำ การตัดสินใจยังคงต้องเป็นของคนคนนั้นอยู่ดี) แล้วทำให้เพื่อนคลายกังวลได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้เพื่อนรู้ว่ามีคนที่เข้าใจเขาได้ แบบนี้รับรองว่าบรรยากาศในการทำงานจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
4. ใส่ใจ ให้กำลังใจกันและกัน
การจะเอาตามอย่างสไตล์ "รักนะแต่ไม่แสดงออก" เสมอไปบางทีก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเสมอไปนะคะ เพื่อนที่มีปัญหาในการทำงาน หรือแม้แต่ตรงกันข้ามกันคือทำได้ดีมากๆ เราก็ควรจะใส่ใจ สนใจ ในสิ่งที่เขาทำ เมื่อมีปัญหาก็ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เมื่อเพื่อนทำดีก็ต้องชื่นชมไปด้วย จะคิดเห็นใจ ใส่ใจ ชื่นชมอยู่แต่ในใจ บางที (ส่วนมากนั่นแหละค่ะ) คนอื่นที่ไม่ใช่เราเขาก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ การยินดี การชื่นชมเมื่อคนอื่นได้ดี หรือทำดี หรือให้ความเห็นใจช่วยเหลือเมื่อเขาเป็นทุกข์ เป็นการเสริมสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีเยี่ยมวิธีหนึ่งเลยนะคะ
5. อย่าเจ้าคิดเจ้าแค้นถือโทษโกรธเคือง
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและเกี่ยวกับธรรมะอยู่ด้วย เป็นไปได้เหมือนกันที่บางทีมีผู้พูดที่อาจจะพูดอะไรที่ทำให้ผู้ฟังต้องเดือดเนื้อร้อนใจ แต่เมื่อเขาพูดไปแล้ว เขาก็คงไม่ได้คิดอะไรต่อ ตัวผู้ฟังเองนั้นต่างหากที่ยังคงเก็บมาคิด แค้นเคืองอยู่ได้เป็นวันเป็นเดือน หรือแม้แต่เป็นปีสำหรับบางคน แบบนี้เรียกว่าเก็บความทุกข์เอาไว้กับตัว วิถีหนึ่งที่ดีที่สุดก็คือการให้อภัย นั่นคือการเอาชนะใจตัวเองที่นั่งกังวลเป็นเดือดเป็นแค้น หากทำได้เรียกว่าเอาชนะใจตัวเองได้ คือสามารถทำทานอันมีค่าสูงสุดคือ "อภัยทาน" ได้ การไม่เก็บความแค้นเคืองเอาไว้และกลับให้ความเข้าใจและเมตตา คือปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข ก็เป็นหนึ่งในพรหมวิหารสี่หรือธรรมะของผู้เป็นใหญ่ค่ะ
บรรยากาศในการทำงานจะดี ไม่สามารถซื้อหาได้นะคะ ต้องช่วยกันทำในที่ทำงานหรือแม้แต่สังคมที่เราอยู่ด้วยกัน ทุกคนก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข ซึ่งความสุขใจนี้จะนำมาซึ่งความสุขกายไปด้วยในที่สุดค่ะ
