เราได้ร่ำเรียนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้วว่า มนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม มีการสื่อสาร มีภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร และเรามักจะต้องการเพื่อนที่อยู่ด้วยกันเพื่อให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างปกติสุข อย่างไรก็ตาม เมื่อคนตั้งแต่สองคนขึ้นไปมาอยู่ด้วยกัน ก็อาจจะเกิดปัญหาระหว่างกันได้เป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากแต่ละคนก็มีความคิดของตัวเองที่อาจจะต่างไปจากความคิดของอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้วยกันนั้น ซึ่งก็ไม่เว้นแม้แต่คู่รักด้วยล่ะสิ มาลองดูนะคะว่า วิธีการที่จะบริหารความรักลดการทะเลาะนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะทำให้ความรักยืนยาวอย่างเป็นสุขค่ะ1. ยังคงให้อิสระแก่กัน
ไม่รู้ว่านิสัยผู้ชายทั่วๆ ไปจะเป็นไปตามคำที่ว่า "ชายใดไม่เที่ยว เทียวไป ทั่วแคว้นแดนไพร มิอาจประสบพบสุข ชายใดอยู่เหย้าเนาว์ทุกข์ ไม่ด้นซนซุก ก็ชื่อว่าชั่วมัวเมา" หรือเปล่านะคะ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องเป็นที่ระวังอย่างมากมายของสาวๆ โดยเฉพาะสาวขี้หวง ขี้หึง นะคะ ผู้ชายส่วนมากแล้วเป็นนักผจญภัย นั่นคือซอกแซกไปทำนั่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา ผู้ชายมีลักษณะที่รักความเป็นอิสระ (อย่างน้อยก็ตามสมควร) ดังนั้นหากว่าตกลงกันเป็นแฟนปุ๊บ แล้วคุณสาวๆ จะทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ห้ามสิ่งที่เขาทำอยู่เป็นปกติไปเสียทั้งหมด ไปเล่นกีฬา ไปพบเพื่อนฝูง ไปทำกิจกรรมต่างๆ ต้องงดหมดต้องอยู่กับคุณคนเดียว แบบนี้คงไม่ไหวเหมือนกันนะคะ เดี๋ยวจะกลายเป็นรักคุก (ไม่ผิดหรอกค่ะ รักคุกนั่นแหละค่ะ) ไปเสีย และก็คงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากติดคุกแบบนี้เสียด้วยสิ ดังนั้นก็ต้องปล่อยให้อิสระแก่ความรักด้วยนะคะ แบบนี้ ไปไหนได้ไม่ไกลหรอกค่ะ เดี๋ยวก็กลับมา
2. เจ้าอารมณ์อย่าทำ
นี่ก็อีกข้อหนึ่ง ถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ มีอะไรก็โวยวาย ด่า ปาข้าวของใส่ ก็เตรียมตัวอยู่คนเดียวได้เลยค่ะ ไม่ใช่เตรียมหาแฟนใหม่หรอกนะคะ เพราะว่าถึงจะมีแฟนใหม่ เขาคนนั้นก็คงจะทนคุณไปได้อีกไม่นานเช่นเดียวกับแฟนคนปัจจุบันนี้แหละค่ะ หนุ่มๆ เขาเลยฝากบอกมาว่า สาวเจ้าอารมณ์จงปรับปรุงตัวได้แล้ว โดยสัญชาติญาณแล้ว หนุ่มๆ เขาต้องการผู้หญิงที่สามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ในยามคับขันได้ ทีนี้ถ้าแม้แต่ตัวคุณเองยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หนุ่มๆ เขาคงทราบโดยสัญชาติญาณได้เช่นกันว่า คงเป็นไปได้ยากที่จะมีคุณร่วมชีวิตอยู่ด้วยแบบเป็นสุข หากมีข้อผิดข้องหมองใจ จะต้องพูดคุยปรับความเข้าใจกันด้วยเหตุผลแทนที่จะใช้อารมณ์ เพราะอารมณ์นั้นมีแต่จะทำให้ปัญหาความสัมพันธ์เลวร้ายลงไปเท่านั้นเอง ดังนั้นสาวๆ คนไหนที่ขี้โมโห เจ้าอารมณ์ ต้องปรับปรุงตัวแล้วนะคะ
3. หวานบ้างรับรองไม่ป่วย
ไม่เหมือนกับร่างกายของเรานะคะ ถ้าเราทานอาหารหวานมากๆ พออายุมากแล้วอาจจะกลายเป็นเบาหวานได้ แต่การทำเรื่องดีๆ หวานซึ้งกับคนรักของเรานั้นรับรองไม่ป่วยเป็นเบาหวานแน่นอนค่ะ การพูดดี หวานๆ เอาอกเอาใจ เป็นเรื่องที่ควรจะต้องมีสอดแทรกอยู่ในชีวิตอยู่ตลอดนะคะ ไม่ใช่เมื่อเป็นแฟนกันแล้ว หรือแม้แต่แต่งงานอยู่กินด้วยกันแล้วคุณจะทำอย่างไรกับเขาก็ได้ คำเพราะๆ คำพูดที่เป็นแง่บวก ที่ให้กำลังใจต่อกัน เป็นเรื่องที่จำเป็นที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความรู้สึกว่าอีกคนจะคอยอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมรบ เอ๊ย... ไม่ใช่ค่ะ ร่วมใช้ชีวิตฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างที่จะมีมาได้เสมอค่ะ อย่าลืมนะคะ หวานไว้บ้าง เป็นการบริหารความรักเพื่อลดการทะเลาะได้อีกแบบหนึ่งนะคะ
4. อย่าหวังให้ใครเป็นอย่างที่เราต้องการ
นี่ก็เป็นเรื่องสำคัญนะคะ จริงๆ แล้วก่อนที่เราจะรักใครสักคน ก็จะต้องดูให้ดีเสียก่อนว่าจริงๆ แล้วเขามีนิสัยใจคอที่แท้จริงเป็นอย่างไร การที่เรารักชอบใครสักคน อาจจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็แล้วแต่ (เช่นเรียนเก่ง ทำงานเก่ง หล่อล่ำ เป็นนักกีฬา) นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวเขาคนนั้นเท่านั้น ในความเป็นจริง เขายังมีอย่างอื่นอีกมากมายที่ประกอบเป็นตัวของเขา ดังนั้นสาวเราก็จะต้องพิจารณาให้ดีว่า ตัวเขาส่วนที่เหลือนั้นมีข้อไม่ดีอะไรบ้าง ถ้ามันยอมรับไม่ได้จริงๆ แล้ว ก็ไม่ควรที่จะรับเป็นคนรักอยู่ด้วยกันเสียแต่แรก แต่ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็อาจจะใช้วิธีการค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน ก็น่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่าการบังคับโดยฉับพลันทันทีว่าเขาจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็คงต้องนึกถึงใจเขาใจเรานะคะ เพราะใครมาบังคับสาวๆ อย่างเราให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็คงจะไม่ยอมง่ายๆ เหมือนกันล่ะ จริงไหมคะ
5. ผู้ชายเขามีศักดิ์ศรี
เรื่องนี้เก็บไว้เขียนเป็นข้อสุดท้าย เพราะว่าสำคัญที่สุดเชียวค่ะ ผู้หญิงสมัยนี้เก่งขึ้นมากมาย เรียนเก่ง ทำงานเก่ง ความรู้ดี แต่อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมเรื่องหนึ่งก็คือ ลักษณะนิสัยของผู้ชายแล้วมีความเป็นผู้นำอยู่ในตัว (ไม่ว่าจะดีมาก หรือดีน้อย ก็ตาม) ดังนั้นเราจะต้องระวังไม่ไปทำอะไรที่เป็นการหยามศักดิ์ศรีของเขาเป็นอันขาด ประเภทที่ว่า โอ๊ยถ้าไม่มีฉันล่ะก็เขาคนนี้หากินไม่เป็น หรือว่า อะไรๆ ก็ต้องผ่านการตัดสินใจของฉันทั้งหมดก่อน แบบนี้รับรองว่าคงมีผู้ชายจำนวนน้อยยิ่งกว่าน้อยในโลกนี้ที่จะสามารถอยู่ได้กับสาวท่านนั้นนะคะ
หวังว่า บทความสั้นๆ นี้ (มองย้อนขึ้นไปดู ไม่สั้นเท่าไรเหมือนกัน แต่พยายามที่จะให้สั้นแล้วนะคะ) จะช่วยให้ความรักของสาวกับหนุ่ม มีความยืนยาวววว ว ว ไปอย่างที่ต้องการค่ะ