น้ำหอมกลิ่นไหนไปได้กับคุณ


กลิ่นเป็นหนึ่งในสัมผัสของมนุษย์ การได้กลิ่นบางอย่างสามารถสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายได้ กระทั่งบางครั้งมีสิ่งที่เรียกว่าการรักษาด้วยกลิ่น (Aromatherapy) ก็ยังมีเช่นกัน แต่กลิ่นที่เราจะพูดถึงในตอนนี้ ง่ายกว่านั้นซึ่งก็คือกลิ่นของน้ำหอมที่สาวๆ หรือหนุ่มๆ ทั้งหลายได้ใช้กันอยู่บ่อยๆ ในทุกวันนี้ และปัญหาที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอมก็คือ เราจะเลือกน้ำหอมกลิ่นไหนที่ไปได้ดีกับตัวเรา

แม้ว่าคุณๆ จะชื่นชอบน้ำหอมมากมายขนาดไหน แต่การเลือกน้ำหอมที่ถูกใจและถูกต้อง คือถูกกับบุคลิกนั้นก็ดูไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องมีความรู้เรื่องของกลิ่นและน้ำหอมชนิดต่างๆ ซึ่งนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการเลือกน้ำหอมเท่านั้นเอง ดังนั้นก่อนที่จะออกไปช้อปปิ้งซื้อหาน้ำหอมกลิ่นที่ไปได้กับคุณในครั้งต่อไป ลองดูแนวทางต่างๆ ในบทความนี้เสียก่อนที่จะทำให้คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมขึ้นมาเล็กๆ เชียวค่ะ

เบื้องต้นเกี่ยวกับน้ำหอม

โดยปกติแล้ว ในน้ำหอมจะไม่ได้มีแต่หัวน้ำหอมอยู่ทั้งหมด แต่มีสิ่งเจือปนอยู่ด้วย สิ่งเจือปนหลักก็คือน้ำนั่นเอง ปริมาณของหัวน้ำหอมที่อยู่ในน้ำหอมจะเป็นตัวบอกประเภทของน้ำหอมนั้นๆ ว่าเป็นน้ำหอมแท้ (Pure Perfume - มีปริมาณหัวน้ำหอม 30%), น้ำหอมแบบออเดอเพอร์ฟูม (Eau de Parfum - มีปริมาณหัวน้ำหอม 15-18%), น้ำหอมแบบออเดอทอยเล็ต (Eau de Toilette - มีปริมาณหัวน้ำหอม 4-8%), ออเดอโคโลน (Eau de Cologne - มีปริมาณหัวน้ำหอม 3-5%) หรืออื่นๆ โดยที่ Eau de แปลงว่า "น้ำ" ในภาษาฝรั่งเศสนั่นเอง ยิ่งมีปริมาณน้ำหอมมากขึ้น ก็ยิ่งคงความหอมติดตัวหรือเสื้อผ้าได้นานขึ้นเท่านั้น เช่นถ้าเป็นชนิดน้ำหอมแท้ ก็จะติดทนได้ 6-8 ชั่วโมง ในขณะที่ออเดอโคโลนจะหอมได้นานเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้สิ่งที่ตามมากับการหอมนานหอมทน หอมอุตลุต (เอ่อ อันนี้ไม่ใช่ค่ะ) ก็คือราคานั่นเอง ถ้าเป็นหัวน้ำหอมก็จะหอมนานและขวดเล็กนิดเดียวแต่ราคาแพง ในขณะที่ออเดอโคโลนจะขวดใหญ่และราคาไม่สูงมากนัก

ระดับของกลิ่น

หลังจากที่เข้าใจเรื่องความเข้มข้นของน้ำหอมแล้ว คราวนี้ก็มาดูระดับของกลิ่นกันบ้าง ระดับที่ว่านี้ไม่ใช่ใครเหนือกว่าใครนะคะ แต่หมายถึงแนวทางของกลิ่นซึ่งจะแตกต่างกันเนื่องจากส่วนผสมที่นำมาใช้ทำหัวน้ำหอมหรือน้ำหอมนั้นๆ โดยหลักๆ แล้วแนวทางของกลิ่นจะมี 4 ชนิดดังนี้
  • ซิตรัส (Citrus) เป็นกลิ่นสะอาด ออกแนวเปรี้ยวนิดๆ ของผลไม้จำพวกส้มหรือมะนาว
  • ฟลอรัล (Floral) เป็นกลิ่นของดอกไม้สด นุ่มนวลและมีลักษณะของความเป็นผู้หญิงอยู่ในตัว
  • โอเรียนทอล (Oriental) จะมีกลิ่นรุนแรงเป็นจริงเป็นจังกว่าสองชนิดแรก มีกลิ่นของวานิลลา ยางไม้ ปนอยู่ด้วย
  • วูดซี่ (Woodsy) เป็นกลิ่นผสมของไม้จันทน์ แพชชูลี และเสริมด้วยกลิ่นของต้นไม้หอมอื่นๆ
กลิ่นไหนเหมาะกับคุณ

คราวนี้ก็เป็นเวลาที่คุณจะต้องเลือกกลิ่นของน้ำหอมที่เหมาะกับตัวเองกันแล้ว ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับคนทั่วๆ ไปที่อาจจะไม่มีโอกาสอ่านบทความนี้ (ว่าไปนั่น คิกๆ) แต่สำหรับผู้ที่ได้อ่านแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีเนื่องจากเราจะทำให้เรื่องยากนี้ง่ายขึ้นมากๆ วิธีก็คือให้สาวๆ (ถ้าเป็นสาวๆ อาจจะเห็นได้ง่ายกว่าหนุ่มๆ นะคะ) ลองเปิดตู้เสื้อผ้าดูว่า ลักษณะของสีและแบบของเสื้อผ้า และการแต่งกายปกติของเรานั้นออกไปในแนวไหนระหว่า แนวหวานกุ๊กกิ๊ก, แนวสมัยใหม่, แนวเรียบสะอาด, หรือแบบอนุรักษ์นิยม (ออกแนวสมัยเก่าสักหน่อย) จากนั้นก็มาเลือกน้ำหอมในลักษณะที่เข้ากันได้กับลักษณะของเรา เช่น
  • ถ้าเรามักแต่งตัวแนวหวานกุ๊กกิ๊กแล้วล่ะก็ กลิ่นที่เข้ากันได้ดีน่าจะเป็นแนวฟลอรัล (Floral) 
  • ถ้าเสื้อผ้าออกแนวเซ็กซี่หน่อย ลองหาน้ำหอมกลิ่นในแนววูดซี่ (Woodsy) มาใช้น่าจะเหมาะ
  • ถ้าชอบเสื้อผ้าแนวเรียบง่าย อาจจะเหมาะกับน้ำหอมกลิ่นซิตรัส (Citrus) และ
  • น้ำหอมแนวโอเรียนทอล (Oriental) น่าจะเข้ากันได้ดีกับสาวๆ ที่ชอบแฟชั่นนำสมัยล้ำยุค
หลังจากได้แนวของกลิ่นแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวที่จะต้องไปเดินช้อปปิ้ง เลือกหาทั้งกลิ่น ลักษณะการออกแบบบรรจุภัณฑ์สวยๆ และลักษณะการใช้งานของน้ำหอมนั้นๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องเป็นกลิ่นที่เราชอบด้วย เพราะแม้ว่ามันจะเหมาะกับเราแต่ถ้าเราไม่ชอบแล้วล่ะก็ ไม่ว่าราคาเท่าไรมันก็อาจจะแพงเพราะต้องมานั่งไม่พอใจในภายหลัง จริงไหมล่ะคะ