อะไรในเครื่องสำอางที่ทำให้ดูอ่อนกว่าวัย


คุณผู้หญิงเคยสงสัยไหมคะว่า เครื่องสำอางที่เราใช้กันอยู่ทุกๆ วันนี้ ข้างในแล้วมีอะไรที่เป็นส่วนประกอบบ้าง หลายๆ รุ่นหรือยี่ห้อก็บอกว่ามีคุณสมบัติในการทำให้ผิวพรรณหน้าตาดูอ่อนกว่าวัย เรามาดูกันว่า ส่วนประกอบอะไรที่ทำให้ผิวพรรณของเราเป็นแบบนั้นได้

1. เรตินอล (Retinol)
เรารู้ว่าวิตามินเอมีประโยชน์กับตัวและสุขภาพผิวของเรา เรตินอล (Retinol) เป็นรูปบริสุทธิ์ของวิตามินเอ ซึ่งวิตามินเอที่จะสามารถมีประสิทธิผลกับผิวได้ก็ต้องอยู่ในรูปของเรตินอลนั่นเอง เรตินอลมีหน้าที่ช่วยทำให้ริ้วรอยย่น หรือรอยเหี่ยวบนใบหน้า จางลง เรตินอลทำหน้าที่ในการกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ผิวเราดูอ่อนเยาว์ อย่างไรก็ตามการที่ร่างกายจะสามารถนำเรตินอลไปใช้ได้ จะต้องมีความเข้มข้นที่มากพอ ซึ่งหากมากเกินไปก็อาจจะเกิดความระคายเคืองผิวมากเกินไป เครื่องสำอางที่ดีจะต้องมีเรตินอลในขนาดที่มากพอ แต่ไม่ทำให้เกิดความระคายเคือง

2. เอ เอช เอ (AHA)
หรือชื่อเต็มๆ คือ แอลฟา ไฮดรอกซี แอสิด (Alpha Hydroxy Acid) เป็นกรดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ บางทีเรียก fruity acid เนื่องจากที่มาของกรดเหล่านี้มีที่มาจากน้ำผลไม้ทั้งหลายเช่น จากนํ้าอ้อย มะนาว สับปะรด มะละกอ แอปเปิ้ล เป็นต้น เมื่อผิวหนังของเราสัมผัสกับ AHA มันจะถูกดูดซึมไปยังผิวหนังชั้นบนสุด และไปทำลายแรงยึดเกาะระหว่างเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วทำให้เซลล์เหล่านี้ลอกหลุดง่ายขึ้น ทำให้เซลล์ใหม่ในชั้นล่างลงไปขึ้นมาแทนที่ ทำให้ผิวหน้าเรียบและนุ่มนวลสดใสกว่าเดิม

3. เซอร์อะมิด (Cemamide)
ส่วนมากจะออกเสียงผิดกันเป็น เซอร์มาไมด์ แต่จริงๆ แล้วออกเสียงว่า เซอร์อะมิด นะคะ เจ้าสารตัวนี้มีคุณสมบัติในการช่วยกระชับผิว นับว่าเป็นส่วนผสมที่สำคัญมากที่ทำให้ผู้ใช้มีผิวที่ดูอ่อนกว่าวัย มันคือสารสกัดที่มีคุณสมบัติเหมือนกับสารปกป้องผิวตามธรรมชาติ (natural protection factor) มากที่สุด มีคุณสมบัติในการปกป้อง รักษาผิวพรรณ ให้ฟื้นคืนจากการขาดน้ำ หรือสภาพแห้งกร้าน ฟื้นฟู และปรับสมดุล คืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และทำให้ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัสด้วย

4. แอนติออกซิแดนท์ (Anti-oxidant)
ได้แก่วิตามิน E และ C ซึ่งช่วยในการบำรุงผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดให้เรียบเนียนและชุ่มชื้นขึ้น

5. กิงโกะ บิโลบา (Ginkgo Biloba)
แหม ชื่อแปลกๆ เข้าใจได้ยากจริงนะคะ แต่ที่แท้แล้วก็คือสารสกัดจากใบแปะก้วย ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่สมองและร่างกาย ช่วยให้ผิวหน้ามีเลือดฝาด ดูสุขภาพดีนั่นเองค่ะ ถ้านำไปใช้ในยาบางชนิด จะช่วยลดการทำลายของเซลล์ประสาท ลดอาการเสื่อมของสมอง เสริมความจำ บำรุงสมอง บรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน ด้วยค่ะ

6. แอมโมเนียม แลกเตท (Ammonium Lactate)
เป็นส่วนผสมกันระหว่างกรดแลคติคและแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ โดยสิ่งที่ได้ก็คือแอมโมเนียมแลคเตทที่ทำหน้าที่หลักคือให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว หรือเป็นมอยเจอไรเซอร์นั่นเอง ในทางการแพทย์แล้วจะใช้ในการรักษาผิวแห้ง แตก หรือเกิดอาการคัน ในการนำมาใช้ในเครื่องสำอางก็จะทำให้มีคุณสมบัติในการลดการเป็นขุย ทำให้ผิวดูอ่อนวัย

7. เตรติโนอีน (Tretinoin)
เป็นกรดวิตามินเอ หน้าที่หลักคือสามารถป้องกันและรักษาสิวได้โดยการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก ไม่ให้ไปอุดตันรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และจะบีบให้ต่อมไขมันมีขนาดเล็กลง ผู้ที่ใช้ไปนานๆ จะมีผิวหน้ามันน้อยลง และค่อยๆ แห้งในที่สุด จึงเหมาะกับคนที่เป็นสิวเสี้ยน สิวอุดตัน และสำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบ เมื่อใช้ไปในระยะยาวก็จะทำให้ดีขึ้น เพราะสิวอักเสบคือขั้นต่อไปของสิวเสี้ยน สิวอุดตัน นอกจากนี้เตรติโนอินยังกระตุ้นการผลิตกรด Hyaluronic ในชั้นหนังแท้ ซึ่งเมื่อมีการผลิตมากขึ้นก็จะทำให้ผิวหน้าดูชุ่มชื้น นอกจากนั้นยังมีความสามารถในการผลัดเซลล์ผิวและช่วยให้โปรตีนคอลลาเจนมีความยืดหยุ่นดีขึ้น จึงช่วยลดริ้วรอยได้อีกด้วย

เป็นอย่างไรบ้างคะสาวๆ คราวนี้ก็จะทราบแล้วว่า ในเครื่องสำอางที่เน้นการทำให้ผิวดูอ่อนวัยนั้น มีอะไรผสมอยู่บ้าง คราวต่อไปที่เพื่อนๆ สาวๆ ดูส่วนประกอบของเครื่องสำอาง จะได้ทราบว่าจะต้องดูว่าควรจะมีอะไรผสมอยู่บ้าง หรือว่าอะไรหายไปบ้างนะคะ