เปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นโชคดี


เพื่อนๆ คงเคยได้ยินคำว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" กันมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ เรื่องนี้หากเรามองกันโดยถี่ถ้วนแล้วก็นับว่ามีส่วนจริงอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่าเพื่อนเราที่จิตใจดี คิดอะไรก็คิดแต่สิ่งดีๆ ก็มัจะมีหน้าตาสดใสกว่าคนที่คิดไม่ดีกับสิ่งนั้น สิ่งนี้ คนอื่น หรือแม้แต่ตัวของเขาเอง แต่ก็ไม่แน่นะคะ เพื่อนๆ ลองส่องกระจกดูก็อาจจะเห็นคนจิตใจดีและหน้าตาสดใสน่าคบหาอยู่ก็ได้

ทัศนคติควบคุมชีวิตเรา

ชีวิตของคนเรา กว่าจะเติบโต ทำงาน จนแก่เฒ่าจากลาโลกนี้ไป ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมาย มีทั้งทุกข์ สุข เศร้า เคล้าน้ำตา (เอ่อ.. พอดีกว่าค่ะ เดี๋ยวกลายเป็นนิยายรักไปเสียก่อน) จะเห็นว่าหลายคนประสบความสำเร็จในชีวิตโดยมีความสุขอยู่ได้ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่หลายคนกลับล้มเหลวแถมยังเป็นทุกข์อยู่แทบตลอดเวลา ความแตกต่างหลักของคนสองกลุ่มนี้อาจจะมีหลายอย่าง อาจจะอยู่ที่พื้นฐานความรู้ ครอบครัวและทุนส่วนตัวบ้าง แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับทัศนคติ ถ้าเรามองโลกแง่ดี มองว่าของทุกอย่างรวมทั้งตัวเราสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ มองว่าเราสามารถทำได้โดยต้องมีความเพียรหาวิธี หาความรู้และฝึกฝนจนชำนาญ มองว่าเราสามารถหาโอกาส ฉวยโอกาส หรือแม้แต่สร้างโกาสได้ด้วยซ้ำ เราก็จะเป็นคนขวนขวายและสร้างแนวทางไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด อาจจะช้าเร็วต่างกันระหว่างคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไปถึงปลายทางอยู่ดี

เปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นโชคดี

หลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่พึงประสงค์ ที่ไม่อยากให้เกิด หลายคนอาจจะคิดไปก่อนว่า "โชคร้ายจังเลย" (ถ้าเป็นภาษาวัยรุ่นในปี 2556 นี้ คงต้องบอกว่า โชคร้ายจุงเบย) เช่น บ้านโดนขโมยขึ้นลักทรัพย์ได้ทรัพย์สินไปบ้าง หรือเดินอยู่ริมถนนแต่กลับตกท่อ หรือเดินขึ้นบันไดแล้วตกลงมาเคล็ดข้อเท้า คนส่วนใหญ่มักคิดก่อนว่าโชคร้ายจังเลย แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่คิดในทางตรงกันข้ามว่า โชคดีจริงๆ นะ แล้วเป็นแบบนั้นได้อย่างไร มันเป็นแบบนั้นได้ก็เพราะเขาคิดว่า ถ้าเราเกิดอยู่บ้านตอนที่โจรขึ้นบ้าน โจรอาจจะจับเราให้ไปไขเอาทรัพย์สินมากกว่าเดิม หรือแม้แต่ทำร้ายเราต่างๆ นาๆ หรือถ้าเราไม่ตกท่อ แต่สะดุด อาจจะเซไปบนถนนและโดนรถชนก็ได้ หรือถ้าเราตกบันไดจริงจัง เราอาจจะถึงกับศีรษะแตกต้องเย็บ หรือแม้แต่สมองบวม หลังหัก พิกลพิการไปก็ได้อีก

จะเห็นว่า การที่เราหัดมองโชคร้าย ให้กลายเป็นโชคดี หรือดีกว่านั้นก็สร้างโอกาสจากมันเสียเลย จะทำให้ชีวิตมีความสุขและอาจจะเกิดสิ่งดีๆ ติดตามมอีกมากมายได้ เมื่อไม่กี่วันมานี้รถยนต์ที่ตัวผู้เขียนขับก็โดนชนท้ายในขณะที่รถกำลังติดขัดอยู่ แต่แทนที่เราจะอารมณ์เสีย เรากลับได้พูดคุยกับผู้ที่มาชนกับเรา จึงได้ทราบว่ามีพื้นฐานการศึกษาคล้ายกันมาก และอยู่ในธุรกิจความงามเหมือนกัน และหลังจากจ่ายค่าเสียหายกันแล้ว เราก็จัดการให้อู่ที่ซ่อมตัวถังและสีรถ จัดการกับรอยอื่นๆ ที่มีอยู่ไปด้วยเสียเลย โชคดีจริงๆ ที่รถโดนชนท้าย ถ้าไม่โดนชนแล้วล่ะก็ คงไม่มีโอกาสได้จัดการกับรอยพวกนั้นแน่ๆ เลย!