จะลดหน้ามันได้อย่างไร


พันธุกรรม อาหาร ฮอร์โมนต่างๆ สภาพอากาศ ลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน รวมถึงการสูบหรือไม่สูบบุหรี่ จะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าของแต่ละคนมันมากหรือน้อยไม่เท่ากัน การที่สาวๆ เรามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาที่ไปของความมันบนใบหน้าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่เราสามารถควบคุมความมันบนใบหน้าได้ เรามาลองดูกันนะคะว่ามีอะไรบ้าง

เราจะต้องเข้าใจก่อนว่า "หน้ามัน" เกิดจากการที่ร่างกายขับไขมันออกมาในรูปของของเหลว ไขมันเหล่านี้อาจะไปอุดตันรูขุมขน และเมื่อรวมกับซากเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่ตายแล้ว ก็อาจจะกลายเป็นอาหารชั้นดีของเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนของเรา สภาวการณ์แบบนี้ทำให้เป็นไปได้ง่ายมากที่จะเกิดสิวได้ ถ้าเราสามารถกำจัดน้ำมันออกจากใบหน้าได้ ก็จะทำให้เชื้อแบคทีเรียพวกนี้ไม่มีอาหารและหยุดการเจริญเติบโต โอกาสที่จะเป็นสิวก็จะลดลงค่ะ

เอาล่ะค่ะ ต่อไปนี้เป็นวิธีการควบคุมความมันบนใบหน้า หลายข้อนั้นทำง่าย แต่หลายข้ออาจจะทำได้ยากเพราะขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยของแต่ละคน แต่ถ้าสาวๆ อยากใบหน้าสวยงาม (และสุขภาพดีไปด้วยในตัว) การลองพยายามทำให้ครบทุกข้อได้ น่าจะทำให้สมหวังได้หรือไม่ก็ใกล้เคียงมากๆ นะคะ

วิธีการลดความมันบนใบหน้า

1. งดน้ำอัดลม รับประทานผักให้มาก งดอาหารมัน ผักต่างๆ มีวิตามินหลายอย่างปนอยู่ ทำให้ร่างกายทำงานได้สมบูรณ์ขึ้น โดยทางอ้อมจะเป็นการไม่ทำให้ร่างกายต้องกำจัดน้ำมันออกทางรูขุมขนบนใบหน้า

2. ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้อวัยวะภายในของร่างกายทำงานสมบูรณ์ ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน การดื่มน้ำน้อยเกินไป จะทำให้ไตและตับทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ การขับของเสียพวกไขมันที่เหลือก็จะออกมาทางที่สาม (นอกจากการขับถ่ายสองทางตามปกติ) คือทางผิวหนังหรือรูขุมขน ทำให้ผิวมันได้

3. รับประทานอาหารที่มีวิตามิน B5 ให้มาก (มีในผักหลายชนิด) หรือให้ดีกว่านั้นคือการกินเข้าไปตรงๆ
จำไว้ว่า "หน้ามัน" ไม่ได้มีอะไรมากกว่าไขมันที่ถูกขับออกมาในรูปของของเหลว การที่ไขมันถูกขับออกมานั้นป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะว่าร่างกายไม่สามารถใช้ไขมันนั้นได้ และไม่รู้ว่าจะขับออกทางไหน Pantothenic Acid หรือวิตามิน B5 เป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง แต่มีความสำคัญมากในการสร้างเอนไซม์ที่เรียกว่า Coenzyme-A โดยหน้าที่ที่สำคัญของเอนไซม์นี้มีหลายอย่างเช่น การสร้างฮอร์โมนเพศ และการนำไขมันส่วนเกินไปใช้ โดยที่หน้าที่แรกนั้นสำคัญกว่า (เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์เรา) ดังนั้นหากเรามีเอนไซม์นี้ไม่เพียงพอ การนำไขมันส่วนเกินไปใช้ก็จะไม่ดีพอ และถูกขับออกมาทางผิวหนังของเรา รวมทั้งที่ใบหน้าของเราด้วย ขนาดของวิตามิน B5 (หรือ Pantothenic Acid) ที่แนะนำควรเริ่มที่ 8 กรัมต่อวัน การรับประทานวิตามิน B5 มากเกินไปนั้นไม่มีผลเสียอะไร เนื่องจากละลายได้ในน้ำและสามารถถูกขับออกมาทางปัสสาวะได้ สำหรับบางคนที่ได้รับปริมาณมหาศาล อาจจะมีอาการท้องเสียนิดหน่อยเท่านั้น

4. ล้างหน้า 2-3 ครั้งต่อวันด้วยน้ำยาล้างหน้าแบบอ่อนที่ไม่มีน้ำหอมหรือสารผสมใดๆ ก็พอแล้ว ถ้าหน้ามันให้ใช้กระดาษซับมันซับเอาน้ำมันส่วนเกินออกมา พยายามล้างหน้าให้ผิวสะอาดเข้าไว้แต่อย่าถึงกับขนาดถูอย่างรุนแรง และที่สำคัญคืออย่าพยายามทำให้ผิวแห้งเกินไป เพราะร่างกายจะขับไขมันออกมาปกคลุมอีก

5. เมื่อเลือกเครื่องสำอางหรือครีมเพิ่มความชุ่มชื้น (มอยส์เจอไรเซอร์ - Moisturizer) ใดๆ พยายามเลือกที่ไม่มีน้ำมันผสมอยู่ หรือจริงๆ แล้วถ้าหลีกเลี่ยงพวกมอยส์เจอไรเซอร์ได้ก็ไม่เลวนะคะ ไม่เปลืองเงินด้วย (อาจจะใช้บริเวณอื่นในร่างกาย แต่ไม่ใช่ที่ผิวหน้า)

6. ถ้าจะใช้ครีมมาสค์หน้า ก็ให้ใช้แบบที่เป็นแบบโคลน (clay-base mask) สักสองสามครั้งต่อสัปดาห์ มาสค์แบบโคลนนี้จะเข้าไปดูดความมันและสิ่งตกค้างบนผิวหน้าของเราได้อย่างหมดจด จะช่วยลดการก่อให้เกิดสิว การมาส์คหน้าแต่ละครั้งก็ทาโคลนลงบนผิวชื้นๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกค่ะ

7. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ AHA (alpha-hydroxy acids) ซึ่งจะช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมา ทำให้ผิวหน้าเนียนใสและยังทำให้เซลล์เหล่านั้นไม่อยู่ให้กลายไปเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรียลงไปอุดรูขุมขนและเกิดสิวขึ้นในโอกาสต่อไป

8. ระวังอย่าให้ถูกแดดมากเกินไป แม้ว่าแสงแดดจะทำให้ผิวแห้งลงได้ แต่การที่ผิวแห้งขาดสมดุลไป จะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมา ทำให้ผิวมันหนักขึ้นไปอีก

เป็นอย่างไรคะ ไม่ยากเลยใช่ไหมสำหรับการจะทำให้ใบหน้าลดความมันลง จริงๆ แล้วถ้าสาวๆ สามารถทำตามข้อที่ 1-3 ได้อย่างสม่ำเสมอ อื่นๆ ก็จะเป็นเพียงตัวช่วยที่จะทำให้ใบหน้าลดความมันลงไปอีกเท่านั้นเอง แต่จำไว้ด้วยนะคะ เมื่อผิวหน้าของสาวๆ มันน้อยลงแล้วจะต้องดื่มน้ำมากๆ เข้าไปเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นจากภายในให้มากที่สุดนะคะ