ลดริ้วรอยด้วยการแพทย์


จากบทความทั้งสองตอนที่เราได้พูดถึงการต่อสู้และลดริ้วรอยเหี่ยวย่นด้วยวิธีการปฏิบัติตัวเอง กับวิธีใช้ผลิตภัณฑ์ความงามต่างๆ แต่บางครั้ววิธีเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ผลสำหรับบางคน หรือว่าไม่ทันใจด้วยประการใดๆ ก็ตาม ก็ไม่ต้องกังวลเกินไปนะคะ เพราะยังมีวิธีพิเศษที่สำรองให้เพื่อนสาวๆ ได้เลือกใช้กันก็คือ การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้าช่วยโดยตรงนะคะ

วิธีทางการแพทย์นี้ อาจจะต้องใช้เครื่องมือและ/หรือผู้ที่มีความชำนาญในการใช้เครื่องมือเหล่านั้น รวมทั้งอาจจะต้องมีความรู้ทางการแพทย์อีกด้วยเพื่อจัดการกับริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าของเรา ลองมาดูทางเลือกกันก่อนค่ะว่า ทางเลือกต่างๆ ทางการแพทย์ที่สามารถลดริ้วรอยลงได้อย่างราบคาบนั้นมีอะไรบ้าง

1. โบทอกซ์

คงเป็นชื่อที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โบทอกซ์คือการฉีดสารที่เรียกว่า บอททูลินัม ทอกซิน เอ (Botulinum toxin A) ที่ได้รับการจัดการทำให้บริสุทธิ์ขึ้นแล้ว เข้าไปใต้ผิวหนังในส่วนที่เกิดรอยเหี่ยวย่นนั้น ทำให้ผิวหนังบริเวณด้านบนเรียบขึ้นและริ้วรอยเหี่ยวย่นหายไป

2. อุดกลบริ้วรอย

วิธีนี้ แพทย์จะจัดการอุดริ้วรอยที่มีอยู่ด้วยสารต่างๆ กันไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจน, กรดไฮยาลูรอนิค, หรือสารสังเคราะห์อื่นๆ ซึ่งแตกแยกออกไปเป็นวิธีที่มีชื่อเรียกเฉพาะหลายชื่อเช่น เรสไตเลน, ยูวีเดิร์ม, อาร์ติฟิล เป็นต้นค่ะ

3. การจัดการด้วยเลเซอร์

วิธีนี้เป็นการปรับผิวหน้าใหม่ อาจจะคล้ายๆ กับการที่เราเอากระดาษทราบไปลูบกับไม้อะไรทำนองนั้นล่ะค่ะ กลไกก็คือการใช้พลังงานแสงเลเซอร์ ไม่ว่าจะกำเนิดด้วยอะไร ทำการลอกเอาผิวด้านบนสุดออกไป ซึ่งจะทำให้เกิดแผลเล็กๆ แต่มองไม่เห็นบนผิว แผลเล็กๆ เหล่านี้จะทำให้ผิวเร่งผลิตคอลลาเจนออกมาเพิ่มขึ้น เมื่อคอลลาเจนถูกสร้างมากขึ้น ก็ทำให้ผิวมีเนื้อมีสปริงมากขึ้น รอยเหี่ยวย่นก็หายไปได้

4. ลอกผิวด้วยสารเคมี

ฟังดูน่ากลัวขึ้นมาอีกนิดหนึ่งนะคะ แต่หลักการจะคล้ายกับการใช้เลเซอร์แต่เป็นการการใช้เคมีจัดการลอกเอาผิวชั้นบนสุดออกไป ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายกับผิวชั้นบนสุด กลไกการซ่อมแซมผิวของร่างกายจะสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวดูอ่อนวัยลงและราบเรียบขึ้น

5. ขัดผิว

เป็นการใช้เทคโนโลยีของเครื่องสูญญากาศร่วมกับผลึกผงขัดที่อ่อนโยน ทำการขัดลอกเอาผิวชั้นบนสุดออกไป ทำให้ผิวราบเรียบยิ่งขึ้นกว่าเดิม วิธีนี้อาจจะใช้ในการจัดการกับแผลเป็นได้ด้วยเช่นกัน

วิธีทั้งหมดนั้น เป็นวิธีที่เราไม่ควรจะพยายามไปทำเองนะคะ แต่ว่าต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ในทางที่ดีแล้วเราก็ควรจะดูแลสุขภาพผิวของเราให้อยู่ดีได้นานที่สุด จะได้ไม่ต้องพึ่งแพทย์โดยไม่จำเป็น