ซ่อมรัก


ชีวิตเราบางทีก็เหมือนนิยายนะคะ (จริงๆ แล้ว นิยายนั้นน่าจะเขียนมาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ กับใครสักคนมากกว่า เรียกว่านิยายนั้นลอกชีวิตคน ไม่ใช่ชีวิตคนลอกเลียนนิยายหรอกค่ะ) ความสัมพันธ์ของใครบางคนที่มีมานานนับสิบปี อยู่ดีๆ กลับจืดจางเลิกรากันไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ดูหวานแหววรักกันปานจะกลืน (โอ้ว แนวใกล้นิยายเข้าไปสุดๆ แล้วล่ะค่ะ) เมื่อรักเกิดร้าว เราลองมาดูกันก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะโยนรักนั้นทิ้งไป มาดูกันก่อนว่าซ่อมได้หรือไม่ และจะซ่อมอย่างไร บางที การโยนรักทิ้งไปโดยไม่ได้พยายามซ่อมแซมความรักเสียก่อน อาจจะทำให้ต้องเสียดายและเสียใจไปอีกนานแสนนานก็ได้

ถ้าอยากจะซ่อมล่ะ ทำอย่างไร

เมื่อมีปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ต่างคนก็อย่ามัวแต่เอาตัวเองไปจมกับปัญหานะคะ ลองถอยออกมาสักนิด แล้วมองกลับเข้าไปในปัญหานั้นอีกครั้ง บางทีอาจจะเห็นอะไรดีๆ ก็ได้ รักร้างรักร้าวก็เช่นเดียวกัน ถ้ายังไม่ถึงกับแตก ค่อยๆ ดูกันว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรนะคะเช่น

1. ถามใจกันดูก่อน
ลองถามตัวเอง ทั้งใจทั้งสมอง ว่าเรารักเขาหรือเขารักเราหรือเปล่า ความคิดการกระทำทั้งหมดทั้งหลาย บอกให้รู้ว่ายังห่วงใย อาทร รักกันอยู่ไหม ในธรรมชาติของทั้งสองคนนั้นเข้ากันได้ด้วยรสนิยมทั้งปวงหรือไม่ และจริงๆ แล้วเรา (และเขา) ยังต้องการจะใช้เวลาด้วยกันอีกหรือเปล่า ถ้าข้อนี้ไม่ผ่าน ก็คงอ่านข้อต่อไปแบบพลางๆ แต่ถ้าข้อนี้ตอบว่า "ใช่เลย" ก็ต้องอ่านข้อต่อไปแบบตั้งใจสุดๆ ลุยหน้าซ่อมได้เลยค่ะ
2. ใช้เวลาและพยายาม
อย่างที่กล่าวกันว่า เวลาสามารถรักษาอะไรๆ ได้หลายอย่าง เรื่องของรักที่มีปัญหาที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาแบบนี้ก็เช่นกัน จะต้องให้เวลากับทั้งตัวคุณเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคน (ไม่อยากบอกว่าเคย) รักของคุณ ในการพิจารณาสิ่งที่ผ่านมา เพราะตัวเขาเองก็มีงานการต้องทำ การบีบคั้นเร่งรัด หลายๆ โอกาสไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นแต่กลับแย่ลงไปอีก แต่ควรจะต้องทำตัวเราเองให้ดูดีเป็นปกติ ไม่เสื่อมโทรม ตั้งใจทำงานไป ตั้งใจซ่อมรักไปเรื่อยๆ เอาใจเขาใส่ใจเราดูแลกันไป เริ่มทีละเล็กละน้อย แบบนี้น่าจะดีกว่านะคะ
3. ไม่ขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ
ที่แล้วก็แล้วไป ของใหม่สำคัญกว่าจริงไหมคะ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว คือความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว (แต่บางคู่ รักร้าวรานที่เกิดขึ้น อาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดไปเองก็มี สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงก็ได้ อันนี้ต้องย้อนไปดูก่อน) ไม่สามารถไปแก้ไขอะไรได้ แต่กลับควรให้ต้องย้อนคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีเหตุมีปัจจัยอะไร ทำให้มีผลไปอย่างที่เห็นที่เป็น ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม อย่าไปขุดคุ้ยเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วเอามาพูดถึง เพราะไม่ได้แก้ปัญหาอะไร (ก็เรื่องเกิดแล้ว แก้สิ่งที่เกิดแล้วไม่ได้) แต่ให้คิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดว่าจะทำอะไรให้มีแต่เรื่องดีๆ ต่อไป
4. ไปไหนไปกัน
ลองหาเวลา ไปไหนมาไหนด้วยกัน ยิ่งไปงานสังสรรค์กินข้าวปลากับเพื่อนสนิทในบรรยากาศเดิมๆ ที่เคยผ่านมาด้วยกันยิ่งดี งานนี้เรียกว่าอาศัยเพื่อนช่วยโดยไม่รู้ตัว (ทั้งตัวเราเอง ทั้งเพื่อนเรา) บางทีเราเห็นคู่ของเพื่อนเรามีความสุข คู่เราก็อาจจะสุขไปด้วย หรือทางกลับกันอาจจะเห็นคู่เพื่อนแย่กว่าเรามากๆ ด้วยซ้ำไป ก็อาจจะทำให้เราคิดได้ว่า ลิ้นกับฟันมันก็ฉันนี้เอง กระทบกันบ้างแต่สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันและไม่ได้มีใครเป็นอะไรไปจริงๆ สักหน่อย
5. รู้จักฟัง รู้จักพูด
คนเราเมื่ออยู่ด้วยกันก็ต้องมีการพูดจา คำพูดนี้เองที่หลายครั้งนั้นฆ่าคนได้ ปากคอเชือดเฉือนแบบนี้คงอยู่กันยาก (ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายพูดนะคะ) ซึ่งก่อนจะพูดก็ต้องรู้จักเป็นผู้ฟังที่ดี พยายามทำความเข้าใจผู้พูดว่า อยากจะบอกอะไร ต้องการสื่อสารอะไร คือเข้าใจเขาก่อน ก่อนที่จะให้เขามาเข้าใจเรา จากนั้นค่อยเป็นฝ่ายพูดบ้าง โดยรู้จักพูดแต่สิ่งดีมีประโยชน์ มีสาระ นอกจากทำให้ผู้ฟังรู้สึกดีจรรโลงใจ ถ้าพูดอะไรที่ดีไม่ได้ ก็ถือคติว่าอย่าพูดเสียเลยดีกว่า นับหนึ่งถึงสิบก่อนเมื่อรู้สึกไม่ดีก่อนจะพูดอะไรออกไป การทำอย่างนี้จะทำให้รอยร้าวเข้าประสานกัน นอกจากนี้ยังไม่ผิดศีล 5 ในข้อมุสาฯ ด้วยนะคะ การพูดไร้สาระส่อเสียดขาดสตินั้น เป็นการผิดศีลนะคะ
6. ยอมรับผิด
หลังจากที่ได้คิดไตร่ตรองเรียบร้อยแล้ว ถ้าเราเป็นฝ่ายผิด ก็รับไปเลยว่าผิด ไม่เห็นจะเป็นอะไร การมีทิฐิสูงนั้นไม่ค่อยบังเกิดประโยชน์อะไรกับชีวิตคู่หรอกค่ะ ผิดแค่นี้จะเป็นอะไรไป ผิดแล้วรับว่าผิดไม่ตายหรอกค่ะจริงไหมคะ แต่หากคุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิดจริงๆ สักวันหนึ่งเมื่อคู่ของคุณเห็นความดีของคุณ เขาก็ต้องยอมรับผิดเองล่ะค่ะ
7. หาตัวช่วย
ถ้าลองจัดการทั้ง 6 ข้อที่ผ่านมาแล้วก็ยังไม่ได้ผลอีก งานนี้คงต้องขอตัวช่วยที่มีประสบการณ์แล้วล่ะคะ ตัวช่วยที่ดีคงต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นนักจิตวิทยาต่างๆ หรือจิตแพทย์ หรือแม้แต่ญาติผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์มานาน ตัวช่วยที่ดีจะทำให้เราคิดได้รอบด้านขึ้นและตัดสินใจได้ดี โดยไม่ตัดสินใจให้ เนื่องจากตัวคุณเองที่จะต้องเป็นผู้ตัดสินใจเองในท้ายที่สุด

เป็นอย่างไรคะ หวังว่าแนวทางทั้ง 7 ข้อ จะสามารถช่วยให้ผู้ที่กำลังมีรักที่ออกรอยร้าว สามารถซ่อมให้รักนั้นดีขึ้นก่อนที่รอยร้าวจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ นะคะ แต่สำหรับผู้ที่รักไม่ร้าว ยังหวานชื่นยืนยงดีอยู่ การดำเนินการชีวิตตามหลักทั้ง 7 ประการด้านบน คงทำให้รักนั้นหนักแน่นยืนยงกว่าเดิมได้ไปอีกค่ะ