หัดยอมรับคำชมให้หัวใจพองโต


เขาว่ากันว่าคนไทยนั้นขี้เกรงใจ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงนะคะ ตัวอย่างเช่นบางทีใครสักคนหนึ่งมาชมเราว่าสวยอย่างนั้น เก่งอย่างนี้ เราก็อาจจะตอบกลับไปทันทีว่า ไม่หรอกค่ะ ไม่จริงหรอกค่ะ แบบนั้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากมองในมุมหนึ่งก็เป็นการถ่อมตัวดูน่าคบหา แต่ในอีกมุมหนึ่งแล้ว คำพูดของเราก็อาจจะมีอำนาจชักนำความคิดและความรู้สึกเราจริงๆ นะคะ เพราะหากว่าเราคิดไปจริงๆ ว่าเราไม่ดี ทำอะไรก็แค่นั้น ชีวิตชีวาของเราก็จะหายไปด้วยกับคำพูดของเราเองค่ะ

ทำไมเราไม่ชอบรับคำชม

ดังที่กล่าวไว้ด้านบนว่า เรามักจะไม่รับคำชมที่เพื่อนๆ หรือคนรู้จักชมเรา เรื่องนี้นอกจากคนไทยจะเป็นแล้ว ชาวต่างชาติตะวันตกก็เป็นด้วยเช่นกัน เรื่องนี้มีการศึกษาวิจัยจากนักจิตวิทยาไว้ว่า ผู้หญิงมักจะมีธรรมชาติของการสวนกระแสอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่ายิ่งหากมีใครมาชมเราด้วยรูปลักษณ์ภายนอกด้วยแล้วล่ะก็ ผู้หญิงเราจะต้องตอบปฏิเสธสวนกลับไปก่อนอย่างเร็วจี๋ว่าไม่จริงหรอก ซึ่งเหตุผลก็ไม่ได้มีอะไรลึกลับซับซ้อน แต่เป็นสิ่งที่เราเรียนรู้มาจากอดีตเมื่อเริ่มโตเป็นสาวและอยู่ในหมู่ของเพื่อนฝูง ว่าเราควรทำตัวไม่โดดเด่นเอาไว้เพื่อไม่ให้เพื่อนๆ ไม่พอใจหรือเกิดการอิจฉา (น่าจะเข้าทางกับคำไทยๆ เราที่่ว่า จงทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย) ทั้งๆ ที่บางทีเพื่อนๆ ก็อาจจะไม่ได้มีความคิดจะอิจฉาแต่อย่างใดเลยก็ได้

เปลี่ยนคำตอบเสียใหม่

ในขณะที่สาวๆ เริ่มย่างเข้าสู่วัยทำงานแล้วและมีความรู้เรื่องคำตอบแบบอัตโนมัติที่เรามีโดยไม่รู้ตัวแล้ว เมื่อมีใครชมเรา แทนที่จะตอบสวนทางกลับไปว่า ไม่จริงหรอก สาวๆ สามารถเปลี่ยนคำตอบเสียใหม่ได้นะคะ สำหรับคำตอบที่ดีอันหนึ่งที่ไม่ทำให้คนชมเสียกำลังใจ และไม่ทำให้เราดูหลงตัวเองก็คือ "ขอบคุณค่ะ กำลังพยายามเป็นพิเศษเลยเหมือนกัน" หรือ "ขอบคุณนะคะที่เห็นแววค่ะ" แบบนี้เป็นต้น และหากจะให้ดี ก็ควรสังเกตสักนิดด้วยว่าผู้ที่ชมสวยเป็นพิเศษในวันนั้นหรือเปล่า เพราะสาวๆ ก็สามารถชมเขาได้ด้วยเช่นกันนะคะ

ด้วยการยอมรับคำชมง่ายๆ เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้แนวคิดและความคิดของสาวๆ เราในวันนั้น ดีกว่าเดิมได้อย่างเห็นๆ เลยล่ะค่ะ ไม่เชื่อ ต้องลองดูนะคะ