เมืองไทยเป็นเมืองที่อยู่ในภูมิประเทศเขตร้อนชื้น เรามีแดดเกือบทั้งปีจนชาวต่างชาติตะวันตกต้องหนีเย็นมาพึ่งร้อน (ฟังดูแปลกนะคะ) เพราะว่าในหน้าหนาวของเรานั้นเย็นหนาวเหน็บ พระอาทิตย์ส่องแสงแต่อากาศเย็นมาก ไม่เหมือนเมืองไทยที่พระอาทิตย์ให้แสงตลอดเวลาดังนั้นในการทำความสะอาดเสื้อผ้าของคนไทยเรา ส่วนมากก็คือซักเสร็จเราก็ตากไว้กลางแจ้ง อึดใจเดียวผ้าก็แห้งหมดแล้ว ไม่เหมือนชาวต่างชาติในบางทวีปที่จะต้องคิดประดิษฐ์เครื่องอบผ้าขึ้นมาใช้ เพราะตากผ้าอย่างไรก็คงไม่แห้งแน่นอน (คนเขียนก็เคยใช้เครื่องพวกนี้อบผ้าสมัยเรียนที่ต่างประเทศ ใส่ผ้าเข้าไปไซซ์ m ออกมาเป็นไซซ์ s เลยล่ะค่ะ) แต่การตากผ้านั้น ไม่ใช่ว่าตากได้ทุกอย่างนะคะ ผ้าบางอย่างก็ไม่ควรอยู่กลางแดดร้อนเป็นเวลานาน ลองดูด้านล่างนี้นะคะว่าผ้าแบบไหนต้องตากอย่างไร
1. ผ้าฝ้าย
ผ้านี้มาจากธรรมชาติล้วน มีคุณสมบัติทนทานต่อแสงแดด แต่ก็ไม่ควรตากนานแบบมาราธอนนะคะ เพราะทำให้ผ้ามีเนื้อแห้งแข็ง เมื่อแห้งแล้วก็ควรรีบเก็บเข้าที่ร่มทันที
2. ผ้าใยผสม
ต้องดูด้วยว่าผสมอะไรกับอะไร ผ้าพวกไลคร่า (Lycra) จะทนทานต่อแสงแดดที่สุด รองลงมาคือผ้าประเภทพีวีซี (Polyvinyl Chloride) และผ้าโพลีเอสเตอร์ โดยผ้าที่เราต้องระวังให้มากหน่อยคือผ้าโพลีเอไมด์ที่ควรตากในที่ร่ม เพราะผ้าพวกนี้กลัวแดดกว่าใครเขาค่ะ
3. ผ้าแพร, ไนลอน, ผ้าไหม
ควรตากผ้าแพรและไนลอนไว้ในที่ร่ม ผ้าพวกนี้ไม่ชอบแดดเพราะหากถูกแสงแดดนานๆ จะทำให้เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ยิ่งถ้าเป็นผ้าไหมด้วยแล้ว อย่าตากแดดช่วงแดดแรงโดยเด็ดขาด เพราะคุณภาพของผาจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ควรตากผ้าไหมไว้ในที่ร่มเสมอนะคะ
4. ผ้าไหมพรม, ผ้าขนสัตว์
หลังจากซักแล้ว วางผึ่งไว้บนตะแกรงเสียก่อน จนหมาดดีแล้วค่อยนำใส่ไม้แขวนเพื่อผึ่งแดดให้แห้งอีกครั้งหนึ่ง
การซักผ้าแล้วตากนั้นควรทำเป็นประจำ ให้เหมาะสมกับผ้าแต่ละชนิด โดยไม่ตากนานเกินไปเพราะจะทำให้ผ้าเสื่อมคุณภาพได้ โดยทั่วไปคือ 3 ชั่วโมงก็พอเพียงแล้ว เราควรซักผ้าตากแดดก่อนการนำเสื้อผ้าที่เก็บไว้นานๆ มาใส่ เพราะหลังจากที่เราซักผ้าและเก็บเข้าตู้เสื้อผ้า หลังจากเวลาผ่านไปอาจจะมีตัวไรผ้า ไรฝุ่น มาเกาะกับเสื้อผ้า เมื่อสัมผัสกับร่างกายของเราอาจจะทำให้เราเกิดอาการติดเชื้อ เกิดตุ่มใสๆ ขึ้นได้ การซักและตากกลางแดดที่มีรังสียูวีจะร่วมกันช่วยจัดการกับสิ่งมีชีวิตไม่พึงประสงค์เหล่านี้ นอกจากนั้นก็ไม่ควรนำชุดชั้นในไปตากแดด โดยเฉพาะในที่ที่มีฝุ่นละอองมาก เพราะเขม่าฝุ่นควันเหล่านั้นจะมาเกาะติดกับชุดชั้นใน เมื่อสาวๆ นำมาสวมใส่อาจจะเกิดโรคผิวหนัง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคทางสูตินรีได้