นานๆ ถึงจะนำเรื่องของหัวใจมาเล่าให้ฟังกันเล่นๆ สักครั้งหนึ่งนะคะ ซึ่งจริงๆ แล้วก็สำคัญเพราะอย่างน้อยก็ทำให้ชีวิตมีชีวา สดชื่น สดใส พร้อมรับกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ดีกว่าการตื่นมา ไปเรียน ไปทำงาน กลับบ้านวนไปมาอย่างนี้โดยไม่มีใครเป็นพิเศษนอกจากที่บ้าน (ก็คุณพ่อ คุณแม่ และผู้มีพระคุณของเราที่เลี้ยงดูเรามาไงคะ ย่อมถือว่าเป็นคนพิเศษของเราโดยปริยายอยู่แล้ว) แบบนั้นหัวใจก็เหี่ยวเฉาเอาง่ายๆ แต่จนแล้วจนรอด สมมติว่าสาวหรือหนุ่ม มีคนข้างกายแล้ว การรักษาความสมานฉันท์เอาไว้ให้คงที่ดื่มด่ำในระยะยาวได้ย่อมไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยบังเอิญ เอาล่ะ ถ้าคู่ไหนเกิดโดยบังเอิญ เรียกว่าเป็นความเหมือนที่ไม่แตกต่าง ถือได้ว่าเป็นโชคอันมหาศาล คงไม่ต้องพึ่งพิงบทความนี้แล้วล่ะค่ะ (แอบน้ำตาซึมเบาๆ) แต่ต้องอาศัยการถ้อยทีถ้อยอาศัย ความเข้าอกเข้าใจ และหลีกเลี่ยงในสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้เกิดความแตกต่างไม่ลงรอยและร้าวฉานขึ้นได้ ลองมาดูกันนะคะว่า หากสาวๆ หรือหนุ่มๆ ต้องการรักษาชีวิตรักเอาไว้ให้ยืนนาน จะต้องทำ หรือไม่ทำ อะไรบ้างค่ะ
1. จำได้ไหมเราทำอย่างไรตอนเจอกัน
ลองนึกย้อนไปว่า ตอนคุณสองคนเจอกันใหม่ๆ เราทำอะไรอยู่ พูดคุยเรื่องอะไรกันบ้าง แม้จะคบกันมานานไม่ว่าจะเดือนเดียวหรือหลายปี ลองพูด คุย หรือทำเหมือนกับตอนที่คุณเจอกันใหม่ๆ อาจจะพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ อาหารที่รับประทาน การงานประจำวัน เรื่องที่อีกคนหนึ่งพบเจอ โดยอาจจะเริ่มถามคำถามเปิดเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งมีโอกาสได้เม้าท์... เอ๊ย ได้เล่าให้อีกฝ่ายหนึ่งฟัง น่าจะเป็นการดีกว่าการที่คิดว่าเรารู้จักคุ้นเคยอีกฝ่ายหนึ่งโดยที่ไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป การไต่ถามพูดคุยเหล่านี้ นอกจากจะทำให้รู้จักความเป็นไปของคู่ของคุณในปัจจุบันเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการแสดงความใส่ใจกันและกันอีกด้วยล่ะค่ะ
2. เก่งนักต้องระวัง
สาวๆ สมัยนี้มีการศึกษา หน้าที่การงานที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก สาวๆ หลายคนอาจจะมีคู่ที่มีความสามารถ มีชื่อเสียง (รวมทั้งฐานะทางการเงิน) ที่อาจจะแตกต่างจากตัวเองมาก สิ่งที่เกิดขึ้น (เป็นสถิติของต่างประเทศ) ก็คืออาจจะมีการเลิกรากันไปเนื่องจากความแตกต่างที่มากเกินไปทางด้านความสามารถ หลายๆ ครั้งการแยกทางเกิดจากทางฝ่ายชายเองที่รู้สึกอึดอัดที่เห็นฝ่ายหญิงประสบความสำเร็จมากกว่าก็เป็นได้ ดังนั้นหากบังเอิญที่คู่ไหนมีความแตกต่างที่มากเกินไปแล้ว แทนที่จะเกิดความน้อยอกน้อยใจ ลองใช้ความรักต่อกันที่มีอยู่ ช่วยดูแล สนับสนุนความสำเร็จ หรือขั้นตอนแห่งการเดินไปยังความสำเร็จของอีกฝ่ายหนึ่ง แบบนี้น่าจะเป็นผลดีมากกว่าแน่นอนค่ะ
3. ทะเลาะมากก็รักมาก
เหมือนลิ้นกับฟันที่เมื่อคนสองคนอยู่ด้วยกันมักจะต้องมีเรื่องราวที่ไม่ลงรอยกันบ้างเป็นธรรมดา แต่หากมีความไม่ลงรอยกันและในที่สุดก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ก็แสดงว่าแต่ละฝ่ายมีการปรับตัวเข้าหากัน หากความแตกต่างของคนสองคนนั้นไม่มากจนเกินไปแล้ว ความเข้าใจที่เกิดขึ้นก็ย่อมมีผลดีต่อความรักความเข้าใจที่มีมากขึ้นในระยะยาว อย่างที่เราอาจจะเคยได้ยินกันว่า "ทะเลาะกันทุกวัน แต่ลูกหลานเต็มบ้าน" อะไรทำนองนั้นล่ะค่ะ
4. เรื่องบนเตียงก็สำคัญนะ
สำหรับผู้ที่อยู่กันเป็นคู่อย่างเป็นทางการแล้ว (ก็คือแต่งงานเรียบร้อยแล้วนั่นล่ะค่ะ) ต้องไม่ลืมเรื่องของเพศสัมพันธ์ด้วยนะคะ โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงอาจจะมีเพศสัมพันธ์สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสาวๆ เรามีความสามารถเพียงเท่านั้นนะ เพราะในความเป็นจริงแล้วหนุ่มๆ เขามักจะมีความต้องการมากกว่านั้นอีก ดังนั้นแล้วจึงมีงานศึกษาหลายทางที่บอกว่าความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์มีความเกี่ยวข้องกับการมีชีวิตคู่ที่ราบรื่นยืนยาว จริงๆ แล้วก็ไม่ทราบว่าอะไรเป็นเหตุหรืออะไรเป็นผลเหมือนกันนะคะ ระหว่างความรักที่มากและทำให้มีเพศสัมพันธ์บ่อยขึ้น หรือการมีเพศสัมพันธ์บ่อยขึ้นแล้วทำให้ความรักเพิ่มขึ้น แต่จะอย่างไรก็ตาม ของสองอย่างนี้ก็เกี่ยวพันกันอยู่ไม่มากก็น้อยล่ะค่ะ
5. ตัวอย่างที่ล่อแหลมก็อย่าไปทำตาม
ต้องยอมรับว่าในสังคมทุกวันนี้ เรามักจะเห็นคู่หลายคู่ที่เลิกรา หย่าร้าง กันอยู่เป็นประจำ เมื่อเห็นแบบนี้บ่อยๆ เข้าอาจจะทำให้สาวๆ หรือหนุ่มๆ หลายท่านคิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ และทำให้คิดฮึกเหิมลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความเป็นไทยแก่ตัว (โห ว่าไปนั่น) ซึ่งหากสาวๆ ทำในทางตรงกันข้ามก็คือพยายามเอาใจช่วย (และช่วยจริงๆ ด้วย) ให้เพื่อนๆ มีชีวิตรักที่ยืนยาวกับคู่ของเขา ไม่ต้องเลิกราหย่าร้างกัน ก็ไม่ทราบว่าเป็นบุญกุศลช่วยหนุนส่งหรือเปล่าที่จะทำให้ตัวเราเองก็มักจะเกิดความรู้สึกอยากจะอยู่ครองรักกับคู่ของเราให้นานขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ
ทั้งห้าข้อข้างต้นนี้ น่าจะช่วยให้การครองรักครองเรือนของหนุมและสาว เป็นไปอย่างราบรื่นยืนยาวนะคะ สำหรับใครที่มีคู่อยู่แล้ว Womanandkid ก็ขอเอาใจช่วยเชียร์ให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ แสนนาน เลยนะคะ เพี๊ยงง!