เลือกหวีอย่างไรให้ได้ดี


ถ้าพูดถึงเรื่องของการดูแลเส้นผม สาวๆ เราคงให้ความสำคัญกับการตัดแต่งทรง ทำผมให้สวยงาม ทำสีให้ดูดี ใช้แชมพูและครีมนวดผมต่างๆ ให้ทำการบำรุงเส้นผมให้ดี ทั้งหมดที่ว่ามานั้นถูกต้องทั้งหมดค่ะ เพียงแต่ยังไม่ครบถ้วนกระบวนความเท่านั้นเอง เพราะด้วยความถี่มากกว่าการทำผม ทำสีผม การสระ เซ็ท ย้อม ต่างๆ นาๆ แล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่สาวๆ เราทำกันเป็นประจำกว่านั้นก็คือ การหวีผมนั่นเอง

ซึ่งการหวีผมนี่เอง ที่จำเป็นจะต้องมีเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ขาดไปเสียไม่ได้ นั่นก็คือหวีที่ใช้ เพราะสาวๆ เราก็คงไม่อยากทำแบบหนุ่มๆ บางคน ที่เวลาหาหวีสำหรับหวีผมไม่ได้ ก็ใช้นิ้วมือแปลงร่างกลายเป็นอุปกรณ์สำหรับหวีผมหรอกนะคะ สู้คว้าหวีประจำกาย (หรือประจำศีรษะดี) มาหวีจัดแต่งทรงให้ดูสวยเหมือนตอนออกมาจากซาลอนทำผมดีกว่า เพราะหวีนั้น ไม่ใช่มีหน้าที่เพียงแต่การสางเส้นผมให้แยกออกจากกันเท่านั้น หวียังมีหน้าที่นวดหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นให้ผลิตน้ำมันออกมา ช่วยเร่งการเติบโตของเส้นผม และยังทำหน้าที่ทำความสะอาดดึงเอาฝุ่นและบรรดาเซลล์หนังศีรษะที่ตายแล้วออกมาทำให้หนังศีรษะได้รับออกซิเจน นี่ไม่นับรวมความสามารถในการเป็นเครื่องมือสำหรับการตัด แต่งทรงผมต่างๆ ที่ช่างผมมืออาชีพต้องใช้อีกนะคะ ดังนั้นจะเห็นว่าหวีเป็นเครื่องมือที่มีหลายหน้าที่ ซึ่งจะต้องถูกเลือกใช้ให้ถูกต้อง แล้วสาวๆ ทราบหรือไม่คะว่า หวีที่เราใช้กันอยู่นั้นเป็นแบบที่ถูกต้อง เป็นอย่างที่เหมาะกับเราแล้ว ถ้ายังไม่ทราบ ลองดูวิธีการเลือกหวีสำหรับหวีผมสวยๆ ของเรากันดีกว่าค่ะ

ชนิดของหวี

1. หวีโลหะ
แบบนี้นี่แหละที่วัยรุ่นสมัยนานมาแล้วชอบใช้กัน เรียกว่าทนทานใช้กันสืบชั่วลูกหลาน (ซึ่งพอถึงเวลาจริงๆ รุ่นเราๆ ก็ไม่ค่อยใช้กันแล้ว) แต่ข้อดีของหวีที่เป็นโลหะก็คือมันนำไฟฟ้า สาวๆ อาจจะร้องว่า เอ๊ะ แล้วเกี่ยวอะไรกับเส้นผมเราด้วยล่ะ คำตอบก็คือเกี่ยวกันอยู่สิคะ เพราะความที่เป็นตัวนำไฟฟ้า ทำให้หวีโลหะสามารถนำพาเอาประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นขณะที่เราหวีผม ออกไปจากศีรษะของเราได้ ทำให้ผมไม่ฟูฟ่องผิดปกติไป แต่ก็ต้องระวังในการใช้งาน ว่ากันง่ายๆ ก็คือต้องระวังหวีโลหะเหล่านี้บาดหนังศีรษะนั่นเอง

2. หวีนวด
เป็นหวีที่ซี่ของมันมีลักษณะเป็นก้านพลาสติกหรือโลหะ ที่ด้านปลายจะเป็นเม็ดพลาสติก จริงๆ แล้วจะมีความสามารถในการจัดทรงสู้หวีประเภทอื่นไม่ได้ แต่ทำหน้าที่ในการนวดหนังศีรษะได้ดีทีเดียว หวีแบบนี้ก็ยังแบ่งออกเป็นชนิดที่ซี่เป็นโลหะและพลาสติก ซี่ที่เป็นพลาสติกนับว่าเหมาะกับสาวๆ ที่มีผมเป็นเส้นตรงยาวธรรมดา แต่อาจจะไม่สามารถหวีเส้นผมที่หนาและหยักศกได้ ซึ่งถ้าผมหนามากคงต้องลองเลือกชนิดที่ซี่เป็นโลหะจะเหมาะกว่าค่ะ

3. หวีที่มีซี่ห่างต่างๆ กัน
ชนิดนี้ก็คือหวีธรรมดา แบนๆ ที่เราเห็นกัน อาจจะทำจากไม้ พลาสติก ยาง หรือแม้แต่กระดูกและเปลือกหอยก็ยังมี แต่ความสำคัญแรกอาจจะไม่ได้อยู่ที่วัสดุที่ใช้ทำนัก (ขอเพียงว่า นุ่มนวล ไม่มีเสี้ยนที่จะทำร้านเส้นผมขณะที่เราหวีผม) แต่เป็นที่ความถี่ห่างของซี่หวี หวีที่มีความห่างมาก เป็นหวีชนิดที่สาวๆ ควรมีไว้ทุกคน เนื่องจากสามารถหวีได้ง่าย หวีผมที่ยังเปียกได้โดยไม่ทำร้ายเส้นผมมากนัก และยังใช้หวีผมที่เป็นลอน ได้รับการดัด หรือหยักศกได้อีก และหลังจากใช้หวีที่มีซี่ห่างแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะหวีด้วยหวีที่มีซี่ละเอียดขึ้น ซึ่งจะใช้ในการจัดทรงได้ดีกว่า แต่ก็มีอันตรายต่อเส้นผมมากกว่าซึ่งสาวๆ ต้องระวังในขณะที่หวีผมด้วย

4. หวีพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีหวีพิเศษ เช่นหวีสำหรับใช้ในการหวีย้อนเส้นผม (backcombing) เพื่อทำให้เส้นผมฟู หวีแบบนี้จะมีซี่เล็ก และมีซี่ละเอียดมากขึ้นที่บริเวณโคนที่ติดกับก้านหวี หรือหวีสำหรับการตัดผม ที่จะมีซีชนิดละเอียดอยู่ครึ่งหนึ่ง และซี่ห่างกว่าอยู่อีกครึ่งหนึ่ง โดยปกติแล้วเราคงไม่ได้เลือกใช้หวีแบบนี้ไว้ใช้เองในบ้านสักเท่าไรนัก คงเป็นหน้าที่ของช่างตัดผมเสียมากกว่า

เมื่อเรารู้จักถึงหวีแต่ละชนิด และหน้าที่ของมันแล้ว หลักการในการเลือกหวีอย่างแรกก็คือ ต้องไม่ทำร้ายเส้นผมเรา เส้นผมที่เปียกจะเปราะบางและต้องได้
รับการหวีด้วยหวีที่มีซี่ห่างเพื่อไม่ให้เกิดแรงดึงกับเส้นผมมากนัก ในขณะที่เราก็ต้องมีหวีที่ทำหน้าที่นวดหนังศีรษะได้ดีในขณะที่ทำการหวีผมด้วย จึงเห็นได้ว่าในความเป็นจริงแล้วเราคงต้องมีหวีใช้อยู่มากกว่า 1 อัน และต้องใช้ในจังหวะที่ถูกต้องด้วยนะคะ