ทั้งๆ ที่เราทราบกันดีว่าผักต่างๆ นั้นมีประโยชน์มากมาย แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้นะคะว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่ชอบรับประทานผักที่มีประโยชน์เหล่านี้ ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องการไม่ชอบผักนี้เป็นเรื่องที่ไม่แปลกในความแปลกนะคะ เพราะในที่สุดก็มีการศึกษาที่ค้นพบสาเหตุที่ทำให้เราๆ ท่านๆ บางคนไม่ชอบผักได้นั่นเองทำไมไม่ชอบผัก
ถ้าเราไปถามใครสักคน (หรือว่าจะเป็นตัวสาวๆ เองบางท่านก็ได้) ว่าทำไมเราจึงไม่ชอบผัก หลายๆ คนอาจจะตอบอย่างง่ายๆ ว่าก็มันไม่อร่อย และถ้าถามต่อว่าไม่อร่อยอย่างไรก็มักจะได้คำตอบอยู่สองอย่างหลักๆ ก็คือ เพราะมีรสชาติขม และมีกลิ่นเหม็นเขียว ก็ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ จะแปลกใจหรือไม่ถ้าจะบอกว่า การไม่ชอบของที่มีกลิ่นและรสชาติแบบผัก เป็นกลไกหนึ่งของร่างกายของคนเราที่ฝังอยู่ในระดับยีนเลยเชียว ที่ทำให้เราหลีกเลี่ยงอาหารที่มีลักษณะแบบนั้น เนื่องจากของบางอย่างในธรรมชาติที่มีรสไปทางนั้นอาจจะมีพิษที่ร้ายแรงได้
เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กๆ มักจะไม่ชอบผักก็คือเรื่องของต่อมรับรส ในเด็กๆ นั้นต่อมรับรสขมมีความว่องไวมากเป็นพิเศษ อาจจะเพราะว่ากันว่าเด็กๆ มีต่อมรับรสขมกว่า 10,000 จุด ต่างจากในวัยผู้ใหญ่ที่มีต่อมนี้ลดลงมากจนอาจจะเหลือเพียง 2,000-4,000 จุดเท่านั้น ทำให้เด็กมักจะเป็นอริกับผักสารพัดชนิดเป็นส่วนมาก และนั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ที่มีอายุมากขึ้น สามารถรับประทานแกงมะระได้อย่างเอร็ดอร่อย ต่างจากเด็กๆ ที่เมื่อเห็นแกงมะระก็คงจะตั้งท่าวิ่งหนีเอาไว้ก่อน
ประโยชน์ของผักใบเขียว
ผักต่างๆ โดยเฉพาอย่างยิ่งผักที่มีสีเขียวจัดนั้น อัดแน่นไปด้วยสารที่เรียกว่า คลอโรฟีลล์ (Chlorophyll) และสารต่อต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ อีกมากมาย (คลิกอ่านเรื่อง สารต่อต้านอนุมูลอิสระคืออะไร) โดยเฉพาะพวก ผักคะน้า ใบบัวบก สาหร่ายทะเลต่างๆ ใบชาเชียว เป็นต้น ซึ่งมีงานวิจัยของต่างประเทศให้ผลว่า คนที่มีระดับคลอโรฟีลล์ต่ำ อาจจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มากขึ้น ผักที่มีสารต่อต้านมะเร็งพวกนี้ที่นำหน้าเลยก็คือ คะน้าและบร็อคโคลี ซึ่งมีสารเคมีที่เรียกว่าไอโซไทโอไซยาเนต ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็งที่สำคัญเชียวค่ะ
ทำอย่างไรให้ทานผักได้
ไม่ทราบว่าจะด้วยเหตุใดเหมือนกัน ที่ทั้งฝรั่งและคนไทยเรา ก็น่าจะมีความรู้และปัญหาคล้ายๆ กัน ความรู้แต่โบราณมาก็คือเราทราบว่าผักนั้นมีประโยชน์ และปัญหาก็คือคนเราโดยปกติมักจะไม่ค่อยชอบหรือพิสวาสผักกันสักเท่าไร จึงมีกรรมวิธีในการนำผักมารับประทานให้เกิดความเอร็ดอร่อยด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทางฝรั่งนั้นอาจจะนำผักมารับประทานกับแซนด์วิช หรือทำเป็นสลัด มีการใส่ส่วนผสมของผักบางอย่างลงไปเช่น สับปะรดซึ่งจะช่วยดับกลิ่น และใส่น้ำสลัดผสมเข้าไปซึ่งทั้งช่วยดับกลิ่นและเพิ่มรสชาติให้น่ารับประทานขึ้นไปอีก ส่วนทางด้านคนไทยเราก็ไม่แพ้กัน โดยการนำผักมาต้มแล้วรับประทานกับน้ำพริกที่มีรสจัดสักหน่อย เพียงเท่านี้ก็ทำให้เรารับประทานผักได้อย่างสบายปากแล้วล่ะค่ะ
ผักนั้นมีประโยชน์ แต่เมื่อเราอาจจะไม่อยากรับประทานมันล้วนๆ ก็หาวิธีจัดการด้วยศิลปะในการประกอบอาหาร เพียงเท่านี้เราก็จะได้รับประโยชน์จากผักพร้อมกับความสุขในการรับประทานไปด้วยกันได้ ไม่จำเป็นต้องทะเลาะแยกจากกันสักนิดหนึ่งค่ะ
