สาเหตุของรอยช้ำรอบดวงตา


เรื่องของรอยช้ำใต้ตาเหมือนญาติของหมีแพนด้านั้น คงเป็นสิ่งที่สาวๆ ไม่พึงปรารถนาเป็นแน่แท้ แต่ของทุกอย่างย่อมต้องมีที่มาที่ไป รอยช้ำใต้ตานี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งมีสาเหตุหลักหนักหนาอยู่ 3-4 อย่าง ซึ่งขอบอกว่าแม้แต่การนอนเต็มที่วันละ 8 ชั่วโมงก็ยังไม่สามารถกำจัดรอยช้ำนี้ออกไปได้หรอก น่าตกใจไหมล่ะคะ แต่ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดีว่า เรายังมีวิธีจัดการกับเจ้ารอยช้ำพวกนี้ได้อยู่ มาติดตามกันเลยนะคะว่าทำอย่างไร

เจ้ารอยช้ำนี้เรียกว่าเป็นนักประชาธิปไตยตัวยงเลยทีเดียว จะบอกอีกทีก็คือทุกคนมีสิทธิเท่าๆ กันที่จะมีรอยคล้ำๆ ดำๆ ใต้ตาได้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาสาวแรกรุ่น นอนดึกหรือไม่นอนดึก หรือเป็นสาวสวยวัยทำงาน นอนน้อยหรือนอนมาก ก็มีโอกาสเป็นได้ทั้งนั้น โดยสาเหตุหลักของรอยนี้มีได้หลายประการ และเมื่อมีรอยช้ำใต้ตาแล้ว ก็คงไม่มีวิธีการจัดการเพียงอย่างเดียวที่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด แต่ข้อดีก็คือ ถ้าเราทราบสาเหตุของรอยช้ำของตาเรา (ตาคนอื่นไม่เกี่ยว) ก็จะมีวิธีแก้ไขที่สามารถทำได้ และได้ผลในเวลาอันรวดเร็วเสียด้วยสิ มาลองดูทีละอย่างกันเลยดีไหมคะสาวๆ

พันธุกรรม

อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าพันธุกรรมทำให้เกิดรอยช้ำนะคะ จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องของสีผิวมากกว่าค่ะ สาวๆ ที่ผิวขาวมาก จะมีแนวโน้มที่จะมีผิวบาง และมีเซลล์เม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนังที่บริเวณต่างๆ อยู่น้อย ซึ่งก็รวมทั้งบริเวณรอบๆ ดวงตาด้วย การที่ผิวมีความบางและมีเม็ดสีน้อย ทำให้สามารถมองทะลุลงไปยังเส้นเลือดรอบๆ ดวงตาได้ และหากมีการปริแตกของเส้นเลือดเหล่านั้น ก็จะทำให้เห็นเป็นรอยช้ำได้ง่ายกว่าผู้ที่มีสีผิวเข้มหรือคล้ำกว่า ดังนั้นในผู้ที่ผิวขาวและบางมากๆ จึงเป็นไปได้ที่สามารถเห็นรอยช้ำใต้ตาแม้กับเด็กๆ ด้วย สำหรับวิธีแก้ไขก็คือโดยการใช้เรตินอล (Retinol) เรตินอลในผลิตภัณฑ์สำหรับผิวจะทำให้เม็ดสีของรอยช้ำจางลง กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน ทำให้ผิวทึบแสงมากขึ้น ให้สาวๆ ลองเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของเรตินอลด้วย ซึ่งในการใช้งานแรกๆ ให้ลองเพียงสัปดาห์ละหนึ่งครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มความถี่ขึ้นค่ะ

การสร้างเม็ดสีอย่างผิดปกติ

ก็เหมือนกับผิวหนังที่อื่นๆ ที่หากถูกเสียดสี หรือถุกทำให้เกิดการระคายเคืองแล้ว จะมีการสร้างเซลล์เม็ดสีเมลานินขึ้นมากผิดปกติได้ การระคายเคืองของผิวหนังบริเวณใต้ตาอาจจะเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ชำระล้างเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับผิวของเรา หรือง่ายกว่านี้คือจากการขยี้ตาอย่างรุนแรง ทำให้เกิดทั้งรอยช้ำและเม็ดสีที่ทำให้รอบดวงตาคล้ำดำ วิธีแก้ก็ต้องจัดการที่สาเหตุคือเลิกหรือเลือกผลิตภัณฑ์ชำระล้างเครื่องสำอางที่เหมาะกับตัวเรา และเลิกการขยี้ตาอย่างรุนแรง นอกจากนั้นสาวๆ สามารถใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาที่ผสมวิตามินเค ซึ่งการจะทำให้รอบดวงตากลับมามีสภาพสดใสอาจจะต้องใช้เวลานานราว 2-3 เดือน แต่หากใจร้อนกว่านั้นก็สามารถใช้เทคโนโลยีเลเซอร์เพื่อกำจัดรอยช้ำจากสาเหตุนี้ได้เช่นกัน

วัย

แสงแดดที่ส่องกระทบเราอยู่ตลอดเวลานั้น เป็นผลเสียต่อคอลลาเจน ทำให้ผิวของเราอ่อนบาง และโปร่งแสงขึ้นไปอีก โดยเฉพาะผิวใต้ดวงตาที่แทบจะเป็นผิวที่บางที่สุดอยู่แล้ว เมื่ออายุมากขึ้นย่างเข้าช่วง 30 ปีขึ้นไป ชั้นไขมันรอบดวงตาก็เริ่มเสื่อมสภาพและหย่อนลง ทั้งหมดล้วนทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ดวงตาได้ง่ายขึ้น การแก้ไขทำได้โดยการใช้ครีมกันแดดที่สามารถกันแดดได้มาก (SPF 50) และสามารถทารอบๆ ดวงตาได้ด้วย นอกจากนั้นก็สวมใส่แว่นกันแดดขนาดใหญ่เพื่อป้องกันแสงแดดกระทบผิวหนังรอบดวงตาอีกชั้นหนึ่ง ครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอลและเปบไทด์และสารเพิ่มความชุ่มชื้นจะสามารถช่วยได้ นอกจากนั้นอายครีมบางอย่างที่สามารถทำให้ผิวใต้ตาหนาขึ้นก็จะช่วยลดรอยคล้ำลงได้ค่ะ

อาการแพ้ต่างๆ

อาการแพ้อย่างหนึ่งคือการบวมเป็นวงซึ่งเกิดจากการหลั่งสารฮีสตามีนของร่างกาย (histamine ซึ่งเป็นสารที่มีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการคัน) การขยี้ตาสามารถเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของหลอดเลือดได้ โดยอาจจะทำให้หลอดเลือด/เส้นเลือดลอยสูงกว่าเดิมขึ้นมาชิดกับชั้นผิวหนัง ทำให้สามารถมองเห็นได้ง่ายขึ้น (และเห็นเป็นสีคล้ำ) ถ้าสาวๆ มีรอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากสาเหตุอาการแพ้แล้ว ลองจัดการหาสาเหตุการแพ้นั้นแล้วจัดการกำจัดมันไปเสียค่ะ หรือถ้ายังหาไม่เจอก็ลองปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อหายาแก้แพ้ประเภทแอนติฮีสตามีน (antihistamine) มาทาหรือรับประทานเพื่อแก้ไขอาการก่อน

หากเพื่อนๆ ท่านผู้อ่านกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับรอยคล้ำรอบดวงตา ก็ขอให้หาสาเหตุได้อย่างแม่นยำ เพื่อจะได้ทำการแก้ไขให้ถูกจุด และมีดวงตาที่สวยสดใสไปนานๆ นะคะ