ยาปฏิชีวนะกับการรักษาสิว


สิว เป็นเรื่องที่สาวๆ ทุกคนไม่อยากให้มาเยี่ยมเยือนบนใบหน้าแน่ๆ เลย หลังจากที่เราได้เคยคุยเรื่อง สิวเกิดขึ้นได้อย่างไร กันแล้ว และได้คุยเรื่องการรักษาสิวกันมาหลายครั้ง ทั้งที่เป็นวิธีธรรมชาติ และด้วยยาต่างๆ (อ่านเรื่อง ยารักษาสิว ที่นี่) รวมทั้งวิธีปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันสิวและเมื่อเป็นสิวด้วย ก็จะเห็นว่ามีการรักษาบางอย่างที่ใช้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เข้าช่วย ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่ายาเหล่านี้ทำอะไรบ้าง และมีชนิดใดบ้าง

สิวที่สามารถมารังควาญความสวยความงามของใบหน้าสาวๆ เรามีได้หลายชนิด ทั้งหัวขาว (สิวธรรมดา) สิวหัวดำ สิวอักเสบ และสิวหัวช้าง ถ้าเป็นสองชนิดแรกก็คงไม่เท่าไร เพราะไม่มีการอักเสบเกิดขึ้น แต่หากเป็นสองชนิดหลังแล้ว นอกจากจะเป็นตุ่มปูดบวมขึ้นมาให้เจ็บใจ ยังเจ็บหัวสิวเนื่องจากอักเสบเป็นการเจ็บตัวอีกต่างหาก จึงเป็นที่มาของการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อทำให้อาการอักเสบลดลง

ยาไหนทำอะไร

ถ้าพูดเรื่องยาปฏิชีวนะ ก็มีหลายอย่างหลายประเภท ในการที่จะใช้ยาเหล่านี้เพื่อช่วยแก้ไขอาการสิวอักเสบ ขอให้สาวๆ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนด้วยนะคะ ที่เล่าให้ฟังนี้ไม่ได้หมายความว่าให้เพื่อนๆ ซื้อหามารับประทานเองนะคะ เอาล่ะ คราวนี้เรามาลองดูกันดีกว่าว่า ยาปฏิชีวนะที่ใช้แก้อักเสบให้สิวปูดๆ สามารถทุเลาลงได้นั้น มีอะไรกันบ้าง

1. เตตร้าไซคลิน (Tetracycline)
เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มเตตร้าไซคลิน สามารถใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้ แต่ไม่สามารถรักษาอาการหวัด ไข้หวัด หรือการติดเชื้อเนื่องจากไวรัสได้ นอกจากนั้นก็ยังสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้อีก ในการใช้ก็ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรด้วย โดยจะต้องระวังในผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคไต ตับ ผู้แพ้ยาชนิดนี้ หรือเป็นผู้ให้นมบุตร สตรีมีครรภ์ หรือสตรีที่ตั้งใจจะมีครรภ์

2. อิริธโทรมัยซิน (Erythromycin)
เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มมาโครไลด์ (Macrolide) ซึ่งนิยมใช้สำหรับการรักษาโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เป็นยาที่ใช้กันมากเช่นกันในการรับประทานเพื่อควบคุมการอักเสบของสิว โดยมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยในการลดการอักเสบบวมแดงได้ด้วย และก็เช่นเดียวกันที่ไม่สามารถรักษาอาการหวัด ไข้หวัด หรือการติดเชื้อเนื่องจากไวรัสได้ ต้องระวังในผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคไต ตับ ผู้ที่แพ้ยาชนิดนี้ หรือเป็นผู้กำลังให้นมบุตร สตรีมีครรภ์ หรือสตรีที่ตั้งใจจะมีครรภ์ และผู้ที่มีอาการของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ร้ายแรงบางอย่าง

3. ไมโนไซคลิน (Minocycline)
เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มเตตร้าไซคลิน เป็นที่นิยมที่สุดในการรับประทานเพื่อควบคุมการอักเสบของสิว แต่อาจจะมีผลข้างเคียงคือการมีรอยเม็ดสีหลงเหลือที่ผิว ยานี้สามารถยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียบางชนิดได้ และใช้ในการรักษาการติดเชื้อหลายชนิดเช่นการเป็นสิว โรคระบบทางเดินหายใจ โรคระบบทางเดินปัสสาวะ และโรคทางเพศสัมพันธ์บางชนิด แต่ไม่สามารถรักษาอาการหวัด ไข้หวัด หรือการติดเชื้อเนื่องจากไวรัสได้ และเนื่องจากเป็นยากลุ่มเดียวกับเตตร้าไซคลิน การใช้ก็จะต้องระวังเช่นเดียวกับยาเตตร้าไซคลิน

4. คลินดามัยซิน (Clindamycin)
เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มลินโคซาไมด์ (Lincosamide) ใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ไม่สามารถรักษาอาการหวัด ไข้หวัด หรือการติดเชื้อเนื่องจากไวรัสอื่นๆ ได้ เป็นยาที่ใช้รับประทานเพื่อควบคุมสิวอักเสบ เป็นยาที่เป็นตัวสำรองในกรณีที่ยาปฏิชีวนะอื่นไม่ได้ผล ในการใช้งานควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และต้องระวังในผู้ที่เป็นโรคไต โรคตับ โรคกระเพาะอาหาร โรคสำใส้ใหญ่อักเสบ หรือผู้ที่แพ้ยาคลินดามัยซิน ลินโคมัยซิน หรือเป็นผู้กำลังให้นมบุตร สตรีมีครรภ์ หรือสตรีที่ตั้งใจจะมีครรภ์

5. ดอกซีไซคลิน (Doxycycline)
เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มเตตร้าไซคลิน ใช้รับประทานเพื่อควบคุมการอักเสบของสิว มีฤทธิ์ในการฆ่าและ/หรือหยุดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียบางชนิด ใช้ในการหยุดการติดเชื้อหลายชนิดเช่นในช่องปาก ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินปัสสาวะ มาลาเรีย และสามารถช่วยรักษาสิวได้ ในการใช้งานควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และต้องระวังในผู้ที่เป็นโรคตับ โรคกระเพาะอาหาร โรคสำใส้ใหญ่อักเสบ ต้องระวังในผู้ที่ต้องโดนแสงแดดเป็นเวลานาน หรือผู้ที่แพ้ยาดอกซีไซคลิน เตตร้าไซคลิน (เพราะเป็นกลุ่มเดียวกัน) หรือเป็นผู้กำลังให้นมบุตร สตรีมีครรภ์ หรือสตรีที่ตั้งใจจะมีครรภ์

6. คลินดามัยซินชนิดทา (Tropical Clindamycin)
เป็นยาที่ใช้กันมากที่สุดในกลุ่มยาทาสิวเพื่อฆ่าเชื้อที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ

7. อิริธโทรมัยซินชนิดทา (Tropical Erythromycin)
เป็นยาปฏิชีวนะชนิดใช้เฉพาะที่ ที่ใช้กันทั่วไป มีประสิทธิภาพดีในการรักษาสิว

8. เบนซามัยซิน (Benzamycin)
จริงๆ แล้วเป็นการผสมรวมกันระหว่างอิริธโทรมัยซินและเบนโซอิลเพอรอกไซด์ (Topical Erythromycin and Benzoyl Peroxide) เป็นยาปฏิชีวนะชนิดทา ใช้สำหรับรักษาสิวทั้งที่ธรรมดาและปานกลาง ต้องระวังในผู้ที่มีปัญหาผิวเป็นตุ่มผื่นแดงเรื้อรัง (eczema) ผิวหนังเป็นแผลถลอก ผิวเกรียมจากการถูกแดดมากเกินไป มีอาการแพ้ยาในกลุ่มอิริธโทรมัยซิน หรือกรดเบนโซอิก (Benzoic) แพ้อบเชย หรือเป็นผู้กำลังให้นมบุตร สตรีมีครรภ์ หรือสตรีที่ตั้งใจจะมีครรภ์

เป็นอย่างไรคะ จะเห็นได้ว่ามีตัวยาจำนวนไม่น้อย ที่ยังรออยู่ในการช่วยรักษาอาการสิวของสาวๆ เราได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือทำตัวเอง ป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นสิว จะได้ไม่ต้องรักษาสิวอย่างไรล่ะ จริงไหมคะเพื่อนๆ