สาวๆ อย่างเราส่วนมากแล้วต้องเคยมีประสบการณ์แบบนี้เป็นแน่ แต่อาจจะมีไม่มากคนนักที่พูดถึงหรือพยายามจะหาวิธีจัดการป้องกัน (ได้แต่แก้ไขเป็นหลัก) หรือพยายามลดความรุนแรงลง บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมหนอปัญหาอย่างนี้ถึงเกิดกับเรา แต่กลับไม่เกิดกับเพื่อนสนิท แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าการเป็นสิวของเรานั้นมันเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องกับการมีรอบเดือนของเรา คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่พบได้ทั่วไป มาดูกันดีกว่าว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไรส่วนผสมของฮอร์โมน
ผู้หญิงส่วนมากจะรู้สึกตัวล่วงหน้าก่อนการมีประจำเดือนประมาณ 3-7 วัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของสาวๆ นั้นเกิดขึ้นก่อนเวลานั้นไปอีกราวๆ 14 วันซึ่งเป็นเวลาที่ฮอร์โมนของร่างกายเริ่มเพิ่มระดับขึ้น ระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) และโปรเจสเตอโรน (progesterone) จะแกว่งไปมาเมื่อรังไข่เริ่มสร้างฮอร์โมนอีกตัวหนึ่งคือเทสโตสเตอโรน (testosterone) ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะทำให้มีการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันเพิ่มมากขึ้นและทำให้รูขุมขนหดตัวลง สองอย่างนี้รวมกันเป็นสาเหตุอย่างดีที่จะทำให้รูขุมขนอุดตันและ เกิดสิวอักเสบ และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด (โห ว่าไปนั่น) ฮอร์โมนเทสโตสเตอโรนจะทำหน้าที่เพิ่มปริมาณไขมันขึ้นไปอีก ทำให้ใบหน้าของสาวๆ หลายคนต้องกลายเป็นสนามประชันเม็ดสิวกนไปเลยเชียว และเชื่อได้เลยว่ามีสาวๆ หลายคนที่ไม่ได้กลับไปตรวจดูปฏิทินเมื่อเป็นสิวหรอก ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นวิธีที่ง่ายมากที่จะช่วยยืนยันว่าการเป็นสิวนี้เกิดเพราะระดับของฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งถ้าการเป็นสิวอยู่ภายในเวลาสองสัปดาห์ของการมีรอบเดือน หรือสิวนั้นเกิดขึ้นบริเวณแนวขากรรไกรล่างหรือบริเวณคาง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ก็เป็นไปได้มากๆ ที่เรากำลังเผชิญกับการเป็นสิวในช่วงมีรอบเดือนนั่นเอง
คนอื่นเป็นกันบ้างไหม
บางทีสาวๆ หลายคนอาจจะรู้สึกว่า มีแต่ตัวเราเองน่ะหรือที่เป็นสิวในระหว่างที่จะมีรอบเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่กำลังพยายามหาเพื่อนเพื่อปรับทุกข์ในเรื่องนี้ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครที่มีปัญหาแบบเดียวกัน ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรพิสดารมากไปกว่าคำอธิบายที่ว่า ผิวของผู้หญิงแต่ละคนจะมีการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับของฮอร์โมนต่างกัน ผู้หญิงบางคนอาจจะเป็นสิวเสมอแทบทุกครั้งไปเมื่อใกล้มีรอบเดือน ในขณะที่บางคนแทบจะไม่มีปัญหานี้เลย ซึ่งโชคร้ายที่แทบจะไม่มีวิธีที่เราจะสามารถคาดการณ์ได้ว่าเราจะเป็นสิวแบบนี้หรือไม่ในเดือนหน้าหรือเดือนต่อๆ ไป ในขณะที่ผู้หญิงมีอายุมากขึ้น ระดับของฮอร์โมนต่างๆ ก็เปลี่ยนไป บางคนไม่มีปัญหานี้เลยเมื่อแรกเป็นวัยรุ่นแต่กลับมีสิวแบบนี้มากมายเมื่อเป็นผู้ใหญ่ แต่แม้ว่าเราไม่สามารถคาดการณ์กระบวนการนี้ได้ แต่เราก็มีวิธีแบบธรรมชาติในการควบคุมและบรรเทาอาการนี้ได้ค่ะ
ความเครียด
ปัญหาสิวในระหว่างการมีรอบเดือนจะย่ำแย่หนักขึ้นไปอีกเมื่อเรามีความเครียดเพิ่มขึ้น ดังนั้นสาวๆ จะต้องพยายามควบคุมความเครียดให้ได้ตลอดทั้งเดือน (เอ่อ.. ก็คือไม่ควรเครียดมากไปตลอดนั่นเองค่ะ) อาจจะทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะนั่งสมาธิ นวดสปา ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง ดื่มชา อ่านหนังสือดีๆ ที่ทำให้สดชื่นก่อนเข้านอน เมื่อเริ่มรู้สึกอึดอัดหรือเครียดมากขึ้น รวมทั้งหาเวลาเดินเล่น ขี่จัการยาน เล่นกีฬา เพื่อทำให้ฮอร์โมนเอนโดรฟีน (endorphines) ปรับระดับขึ้นลงบ้างเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น
ระวังอาหารและเครื่องดื่ม
เป็นเรื่องง่ายสุดๆ แต่สำคัญสุดๆ เช่นกัน วิธีก็คือดื่มน้ำและให้ดื่มมากขึ้น เมื่อรู้สึกอยากดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำส้มก็ให้ดื่มน้ำเปล่าแทนเข้าไปสักหนึ่งแก้ว น้ำสะอาดจะทำหน้าที่ชำระล้างเอาพิษต่างๆ ออกไปจากร่างกายของเรา ทำให้ร่างกายชุ่มชื้นและไม่มีผลข้างเคียงจากเครื่องดื่มอื่น (น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตซึ่งทำให้อ้วน หรืออาการเมาค้างถ้าเราดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์เข้าไป) และสำหรับเรื่องอาหาร สาวๆ ก็ควรควบคุมให้ดีด้วย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องสุขภาพและการควบคุมน้ำหนักเท่านั้น แต่ผู้หญิงที่ต้องการควบคุมความรุนแรงของการเป็นสิวในระหว่างมีรอบเดือนจะต้องรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ มีวิตามินต่างๆ สูง ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและน้ำมันต่างๆ ด้วย อาหารจำพวกนมสามารถทำให้ผิวดีขึ้นได้ อาหารพวกวิตามินและผลไม้ที่มีความสามารถ ต่อต้านอนุมูลอิสระ จะทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ช่วยต้านการแก่ก่อนวัยและสิวที่เกิดจากฮอร์โมน ลองพิจารณาอาหารจำพวกเนื้อ ปลา ถั่วต่างๆ และผักใบเขียวเอาไว้เป็นหลักเลยค่ะ
รักษาความสะอาดให้ดี
แม้ว่าสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระดับของฮอร์โมนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากภายในร่างกายของเรา แต่การลดปริมาณของแบคทีเรียในชีวิตของเราจะสามารถลดโอกาสการเป็นสิวแบบนี้ลงได้ พยายามใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลและทำความสะอาดผิวที่ได้ทดลองแล้วว่าเหมาะกับผิวของเรา อาจจะลองใช้มาสก์ที่ทำความสะอาดผิวหน้าแบบสุดๆ ดูโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองสัปดาห์ที่มักจะเป็นสิวในระหว่างมีรอบเดือน ทำความสะอาดแปรงปัดแก้มต่างๆ ด้วยแชมพูสำหรับเด็กทุกสองสัปดาห์และปล่อยให้แห้งเอง ทำความสะอาดหมอนและผ้าปูที่นอนให้แน่ใจว่าไม่ได้นอนทับสิ่งสกปรกซึ่งรวมถึงไขมันและน้ำมัน (จากใบหน้าและผิวของเราเองนั่นล่ะ) ที่สะสมอยู่ อ่อ และในสมัยนี้ก็อย่าลืมทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นก็เป็นที่สะสมของน้ำมันและเชื้อโรคได้เป็นอย่างดีอีกนะคะ