ปัจจุบันนี้ สาวๆ เราไม่ใช่ว่าจะอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเพียงอย่างเดียวแล้วนะคะ เรียกว่าเข้าทำนอง มือก็ไหว ดาบก็แกว่ง เหมือนกับในสมัยเก่าก่อน เพียงแต่แทนที่จะจับดาบ เราก็มาจับปากกา จับคอมพิวเตอร์ จับโทรศัพท์ และอีกสารพัดจะจับเครื่องมือในการทำงานอื่นๆ อีกมากมาย เรียกว่าสาวๆ เราทำงานนอกบ้านเพื่อช่วยทั้งตัวเอง ครอบครัวของเรา และครอบครัวใหม่ของเรา (ในกรณีที่แต่งงานมีครอบครัวใหม่เพิ่มขึ้น) อีกด้วย ทำให้ในการทำงานนั้นก่อให้เกิดความเครียดความเหนื่อยล้าเพิ่มขึ้นได้มาก ทั้งนี้ก็ไม่วายสำหรับสาวๆ ที่ทำงานในบ้าน หรือแม้แต่เป็นแม่บ้านเพียงอย่างเดียวนะคะ เพราะก็อาจจะมีเรื่องที่ต้องให้รับผิดชอบอีกเยอะแยะก็เป็นได้ รวมความแล้วคืออาจจะเกิดความเหนื่อยล้าได้เช่นเดียวกัน วันนี้ Womanandkid มาชวนสาวๆ ดูกันดีกว่าว่า มีสาเหตุอะไรบ้างที่อาจจะทำให้เกิดอาการหมดแรง จนบางทีไม่อยากจะลุกขึ้นไปทำอะไรต่อในวันรุ่งขึ้นค่ะ1. อาหารที่รับประทาน บำรุงร่างกายหรือเปล่า
ร่างกายของเรานั้น เมื่อใช้ไปๆ ทุกๆ วันมันก็ย่อมจะเสื่อมโทรมลงไป อาหารนั้นส่วนหนึ่งเป็นเหมือนยาที่บำรุงร่างกายของเรา ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและสร้างพลังงาน ให้เรามีกำลังใช้ชีวิตและทำประโยชน์ให้กับโลกนี้ต่อไป (ว่าไปนั่น แต่ก็เป็นความจริงนะคะ) เราต้องรับประทานอาหารให้ครบหมู่ ไม่ใช่ว่าทำงานออฟฟิศ หรือมีเวลาน้อย ก็จะรับประทานอะไรก็ได้ให้เพียงแค่อิ่มเท่านั้นเนื่องจากว่ามีเวลาน้อย (ส่วนมาก เราสามารถจัดสรรเวลาได้ เพียงแต่ไม่พยายามทำก็มี) อาหารบางอย่างนั้นนอกจากไม่มีประโยชน์เอาแล้วยังเป็นโทษด้วยนะคะ เช่นน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารซ้ำซากหลายรอบ หรือขนมถุงต่างๆ ที่สาวๆ บางท่านถึงกับรับประทานเพื่อให้พออิ่ม หรือแม้แต่กาแฟที่มีน้ำตาลและคาเฟอิน ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นๆ และยังสร้างปัญหาอื่นตามมาอีกคืออาจจะนอนไม่หลับ เรียกว่าเป็นงูกินหางค่ะ วิธีในการรับประทานที่ดีก็คือ ต้องรับประทานให้ครบหมู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรับประทานผักและผลไม้ ในสัดส่วนที่เหมาะกับเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่เราทานเข้าไปด้วยค่ะ
2. การพักผ่อน
คนเรา เหนื่อยนักก็ต้องพักเสียหน่อยจริงไหมคะ แต่การจะพักตอนกลางวันนานๆ ยาวๆ เจ้านายก็ต้องต่อว่าเอาแน่นอนล่ะค่ะ ดังนั้นเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะได้พักก็คือเมื่อกลับมาที่บ้านหรือที่พักของเรานั่นเอง การนอนที่ดีคือจะต้องนอนวันละไม่น้อยกว่า 7 ชั่วโมง บางตำราอาจจะบอกว่าถ้านอนหลับสนิทจริงๆ แล้ว ใช้เวลาเพียงแค่ 4 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว แต่จะอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่สาวๆ ต้องทำก็คือการมีที่นอนที่เหมาะสม คือปลอดโปร่งโล่งสบาย เงียบ มีระดับแสงสว่างเหมาะสม (สำหรับแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน บางคนต้องนอนเปิดไฟ บางคนต้องนอนปิดไฟ อันนี้ไม่ว่ากัน) แต่ที่สำคัญก็คือ ระหว่างวันจะต้องไม่รับประทานเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ที่เป็นศัตรูต่อการนอนหลับมากเกินไป หลีกเลี่ยงกาแฟแรงๆ ปริมาณมากและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล่านี้ทำให้นอนหลับยากและอาจจะไม่สนิทได้
3. การออกกำลังกาย
ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายมากไปกว่าคำว่า กีฬาเป็นยาวิเศษ ค่ะ การออกกำลังกายทำให้ร่างกายปรับสมดุลได้เป็นอย่างดี ทำให้ระบบการทำงานต่างๆ เช่นระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่ายของเสีย และระบบฮอร์โมนต่างๆ ทำงานได้ดีเป็นปกติอีกด้วย การออกกำลังกายที่ดียังช่วยให้ผิวพรรณดี คงความเยาว์วัยได้อยู่นานด้วยนะคะ (อ่านบทความเรื่อง บำรุงผิวอย่างไรให้คงความเยาว์วัย) การออกกำลังกายที่ดีก็คือ ออกกำลังวันเว้นวัน ครั้งละ 40-60 นาที และที่สำคัญก็คือ อย่าออกกำลังก่อนจะถึงเวลานอน (เอ่อ... อย่าคิดมากนะคะ) สั้นกว่า 3 ชั่วโมง เพราะในการออกกำลัง ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนบางชนิดออกมา ซึ่งจะกระตุ้นการตื่นตัวของเรา กลายเป็นว่านอนหลับยากไปอีก ก็ต้องวางแผนให้ดีว่า จะออกกำลังกี่โมง นอนกีมี่โมง นะคะ
4. มีปัญหาอื่นเช่นปัญหาสุขภาพหรือเปล่า
ถ้าดูไปดูมา ไม่ว่าเรื่องไหนเราก็ทำได้ดี กินก็ดี พักผ่อนก็ดี กีฬาก็เล่น แล้วทำไมจึงเหนื่อยล้ามากมาย บางทีอาจจะเป็นปัญหาอื่นก็ได้เช่น การเก็บเอาเรื่องราวในการทำงานมาคิด จะนอนก็ยังคิดมากอีก บางทีทำให้เราเหนื่อยมาก ภาษาเราก็เรียกว่าเหนื่อยใจ นั่นล่ะค่ะ ก็ต้องรู้จักปล่อยวางแยกแยะ เมื่อเลิกงานก็ต้องไม่เก็บเอางานกลับมาที่บ้านด้วย เพราะจะเกิดปัญหาที่เรียกว่าสุขภาพจิตเสียนั่นเอง นอกจากเป็นผลเสียกับตัวเองแล้วยังพาลทำให้คนที่บ้านเหนื่อยตามเราไปด้วยก็เป็นไปได้ นอกจากนี้แล้วยังอาจจะเป็นปัญหาอื่นเช่นปัญหาสุขภาพกาย เช่นโลหิตจาง ที่มักจะเกิดได้กับสาวๆ ที่มีประจำเดือนมาก ก็ลองตรวจเช็คเม็ดเลือดและคุณภาพเลือดด้านอื่นๆ ซึ่งหากมีปัญหาคุณหมอก็จะได้ให้ยาบำรุงเลือดที่มักจะประกอบไปด้วยธาตุเหล็ก หรือรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กเช่น ผักใบเขียว ตับ แครอท ถั่วเหลือง มะเขือเทศ บร็อคโคลี เป็นต้น อ่อ อย่าลืมรับประทานวิตามินเช่นวิตามินซีร่วมด้วย เพื่อให้ร่างกายนำธาตุเหล็กในอาหารไปใช้ได้เต็มที่ นอกจากนั้นความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ไม่ว่าจะแบบไฮเปอร์หรือไฮโปไทยรอยด์ก็ตาม หรือแม้แต่สภาวะเบาหวาน (ที่มักจะทำให้ปัสสาวะบ่อย) ก็ล้วนทำให้รู้สึกเหนื่อยล้ามากมายได้ค่ะ
5. ปัญหาอย่างอื่น
ข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นเรื่อง แต่ก็เป็นเรื่องจนได้นะคะ บางทีการนอนไม่หลับสนิท อันเป็นเหตุทำให้ความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวันไม่สามารถมลายหายไปได้ อาจจะเกิดจากการที่คนข้างๆ ตัวคุณนอนกรนทั้งคืน ทำให้คุณหลับไม่สนิทก็เป็นได้ หรือแม้แต่ตัวคุณเองที่นอนกรน ซึ่งจะทำให้คุณนอนหลับไม่สนิท มีออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ และเกิดอาการอ่อนล้าได้ (อ่านบทความเรื่อง นอนกรนเกิดจากอะไร) ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ต้องหาวิธีแก้ไขซึ่งก็มีอยู่ค่ะ (แหม ก็คนอื่นๆ ก่อนหน้าคุณ เขานอนกรนแล้วก็แก้ไขกันไปก็มีมากมาย คุณคงไม่ใช่คนแรกในโลกที่นอนกรนหรอก จริงไหมล่ะคะ คิกๆ
หลังจากอ่านบทความนี้ ถ้าเพื่อนๆ รู้สึกว่าตัวเอง เหนื่อยล้ามากมายผิดปกติ ลองสำรวจดูนะคะว่า เรามีอะไรที่ผิดปกติหรือเป็นไปตามในบทความนี้หรือไม่ จากนั้นก็แก้ไขนะคะ เพื่อชีวิตการทำงาน และชีวิตส่วนตัวของเราที่มีความสุขขึ้นนะคะ