ในการดำรงชีวิตปกติของคนเรา ถ้าเรารับประทานอาหารได้ครบถ้วนแล้ว เราก็น่าจะได้วิตามินต่างๆ อย่างครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ซึ่งอาหารที่ว่านี้จะต้องประกอบไปด้วยทั้ง ผัก ผลไม้ ไข่ นม ปลา และอีกสารพัดอาหารแหล่งวิตามิน แต่ลองคิดดูดีๆ สิคะว่าเราได้รับประทานอาหารเหล่านี้ครบหรือไม่ ส่วนมากก็คงต้องบอกว่าไม่ครบดีเป็นแน่ ซึ่งการที่ร่างกายไม่ได้รับวิตามินครบถ้วนี้ จะมีผลต่อการทำงานของระบบภายในต่างๆ ของร่างกายเรา ซึ่งรวมทั้งว่าวิตามินเหล่านี้เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยกำจัดสิวให้พ้นไปจากผิวของเรา มาลองดูกันดีกว่านะคะว่าเราต้องการวิตามินอะไรบ้างในการจัดการกับสิวของเราค่ะ
วิตามินเอ
วิตามินเอมักจะพบกันในรูปของเรตินอยด์ ซึ่งทำเป็นยาในการรักษาสิวแบบทาเฉพาะที่ วิตามินเอจะทำหน้าที่เร่งการผลัดเซลล์เก่าออกและสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมา ช่วยทำให้รูขุมขนโล่งและไม่อุดตัน แต่การได้รับวิตามินเอโดยการรับประทานอาหารประจำวันของเรา เช่นจากไขมันปลา หรือในผักใบเหลืองหรือส้มที่มีสิ่งที่เรียกว่า เบต้าแคโรทีน (beta carotene) ก็เป็นประโยชน์กับผิวของเราเช่นกัน การได้รับวิตามินเอไม่เพียงพอจะทำให้เราเป็นสิวได้ ถ้าต้องการใช้วิตามินเอในการรักษาสิวแล้วล่ะก็ จะต้องได้รับในปริมาณ 10,000 IU (International Units, ซึ่ง 1 IU ของวิตามินเอคือ 0.3 ไมโครกรัม) แต่การได้รับวิตามินเอในปริมาณที่สูงเกินไปจะสามารถเป็นอันตรายได้ ดังนั้นจะต้องระวังไม่ให้ได้รับมากเกินไปค่ะ
วิตามินบี
วิตามินบีช่วยทำให้สีผิวสวยงามเป็นปกติ วิตามินบี1 (ไธอามีน, thiamine) เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นดีที่สามารถช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้อย่างถูกต้อง วิตามินบี2 (ไรโบฟลาวิน, riboflavin พบได้ในผักใบเขียว เนื้อสัตว์ นม ไข่ ปลา) ช่วยบำรุงผมและย่อยอาหารและเป็นวิตามินบีที่สำคัญที่สุด การเป็นสิวอาจจะเกิดได้จากการได้รับวิตามินบี2 น้อยเกินไป วิตามินบี3 (ไนอาซินาไมด์, niacinamide) ทำให้การไหลเวียนของโลหิตในผิวดีขึ้น ช่วยให้ต่างกายดูดซึมโปรตีนที่มีความสำคัญในการต่อสู้กับสิว ช่วยจัดการกับคอเลสเตอรอล ร่างกายที่ได้รับวิตามินบี3 น้อยเกินไปก็สามารถเป็นสิวได้
วิตามินซี
วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระไบโอฟลาโวนอยด์ต่างๆ จำเป็นต่อการทำงานในการเผาผลาญอาหารกว่า 300 หน้าที่ในร่างกายของคนเรา วิตามินซีมีส่วนสำคัญในการซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ที่สึกหรอเสียหาย ต่อสู้กับการติดเชื้อและช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ในขณะที่ไบโอฟลาโวนอยด์ในร่างกายของเราทำหน้าที่ป้องกันแบคทีเรีย ในการใช้วิตามินซีเพื่อต่อสู้กับสิว ต้องได้รับในปริมาณราวๆ 1,000 มิลลิกรัมต่อวันค่ะ
วิตามินดี
จริงๆ แล้วร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีขึ้นเองได้เมื่อผิวของเราได้รับแสงแดด ผิวจะรับรังสียูวีและเปลี่ยนเป็นวิตามินดี3 จริงๆ แล้วเราสามารถได้รับวิตามินดีจากการรับประทานอาหารได้ แต่มีการศึกษาพบว่าการที่คนเราได้รับแสงแดดในปริมาณปานกลางจะช่วยจัดการกับสิวได้ โดยที่วิตามินดี3 ที่เราได้จากการถูกแสงแดดจะช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและช่วยรักษาผิวที่เป็นแผล ถ้าการเป็นสิวของเราเกิดเพราะร่างกายขาดวิตามินดี การออกไปโดนแสงแดดเยอะหน่อยก็เป็นการช่วยได้มากเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็อย่าตากแดดมากเกินไปนะคะ เพราะการเกรียมแดดหรือผิวไหม้จะทำให้สภาวการณ์สิวของเราแย่หนักลงไปอีกได้ค่ะ
วิตามินอี
เป็นวิตามินที่ละลายในไขมันอีกชนิดหนึ่งที่มีในถั่ว อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน บล็อคโคลี่ เป็นต้น วิตามินอีสามารถจัดการแก้ไขการเป็นสิวได้โดยกระบวนการที่เรียกว่าออกซิเดชั่น (รวมตัวกับออกซิเจน) วิตามินอีช่วยป้องกันไขมันอิ่มตัวไม่ให้แทรกซึมเข้าไปในผิวและรวมกับสารพิษอื่นๆ ที่ทำให้เกิดสิว นอกจากนั้นวิตามินอียังช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดแดงรับออกซิเจนได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดแผลเนื่องจากสิว และยังช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อด้วย เพื่อการป้องกันสิวเราอาจจะรับประทานวิตามินอีในปริมาณวันละ 400 IU (International Units, ซึ่ง 1 IU ของวิตามินอีคือ 0.67 มิลลิกรัม) ได้นะคะ
ถ้าเพื่อนๆ มีปัญหาเรื่องสิว นอกจากการพยายามรักษาด้วยวิธีอื่นแล้ว ลองย้อนกลับมาดูว่าร่างกายของเราได้รับวิตามินเพียงพอหรือไม่ เราได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบครันหรือเปล่า ถ้ายังขาดๆ เกินๆ อยู่ล่ะก็ อาจจะต้องพยายามรับประทานอาหารให้ครบถ้วนกว่าที่เป็นอยู่ หรืออาจจะต้องรับประทานวิตามินเสริมเข้าไปด้วย ควบคู่กับการจัดการกำจัดสิว ก็น่าจะทำให้สิวหายได้เร็วขึ้น หรืออย่างน้อยก็ทำให้ร่างกายทำงานภายในสมบูรณ์ขึ้น เรียกว่ามีแต่ได้ ไม่มีเสียนะคะ